ไฮฟู

  • มีความเสี่ยงน้อย ปลอดภัย
  • ไม่รุกรานและปลอดภัย
  • กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
  • กระชับและยกกระชับผิว
  • ลดเลือนริ้วรอยและร่องลึก
  • เพิ่มความยืดหยุ่นของผิว
  • สามารถทำได้ในหลายส่วนของร่างกาย ได้แก่ ใบหน้า ลำคอ และหน้าอก โดยไม่จำเป็นต้องหยุดทำงานห
package
1 ครั้ง
2 ครั้ง
3 ครั้ง
benefits

hifu เหนียง

ครั้งละ

4,199
4,199
7,139
3,570
10,079
3,360
ยกกระชับบริเวณเหนียง
package
1 ครั้ง
2 ครั้ง
3 ครั้ง
benefits

hifu แก้ม

ครั้งละ

5,599
5,599
9,519
4,760
13,439
4,480
ยกกระชับแก้ม ลดร่องแก้ม
package
1 ครั้ง
2 ครั้ง
3 ครั้ง
benefits

hifu ทั่วหน้า

ครั้งละ

9,999
9,999
16,999
8,500
23,999
8,000
ยกกระชับทั่วใบหน้า เหนียง ลำคอ ลดริ้วรอยรอบดวงตา และยกคิ้ว

การทำ Hifu คืออะไร ช่วยยกกระชับหน้าได้มากแค่ไหน และมีเรื่องอะไรที่ควรรู้บ้าง?

ยุคนี้การทำ Hifu คือหนึ่งในบิวตี้เทรนด์ที่ไม่ว่าใคร เพศไหน หรืออายุเท่าไรก็ให้ความสนใจกันเป็นอย่างมาก เพราะหลังทำ Hifu แล้วจะช่วยให้ใบหน้าที่เคยหย่อนคล้อยตามวัยกลับมายกกระชับอย่างเห็นได้ชัด โดยไม่ต้องพึ่งการใช้เข็มหรือผ่าตัดให้ยุ่งยากจนคุณต้องเจ็บตัวแต่อย่างใด ที่สำคัญการทำ Hifu ยังให้ผลลัพธ์ที่เร็วทันใจตั้งแต่ครั้งแรก และมีความปลอดภัยสูงไม่เป็นอันตรายต่อผิวพรรณของคุณอีกด้วย

เพื่อให้คุณสามารถทำ Hifu ได้อย่างมั่นใจ EY Clinic จะพาคุณไปศึกษาข้อมูลว่า Hifu ช่วยใบหน้ารวมถึงผิวพรรณของคุณได้อย่างไร สามารถทำในจุดไหนของร่างกายได้บ้าง รวมถึงการเตรียมตัวทั้งก่อนและหลังการทำ ตลอดจนรายละเอียดเล็ก ๆ น้อยๆ ที่จะช่วยให้คุณตัดสินใจทำ Hifu ได้แบบไร้กังวล ถ้าพร้อมแล้วเรามาทำความเข้าใจไปพร้อมกันเลย

การทำ Hifu คืออะไร?

Hifu หรือ High intensity focused ultrasound คือนวัตกรรมความงามที่มีการใช้เครื่องมือยิงคลื่นอัลตราซาวนด์ความเข้มข้นสูงไปที่ชั้นเยื่อหุ้มของกล้ามเนื้อที่เรียกว่า SMAS เพื่อกระตุ้นให้เนื้อเยื่อ SMAS หดตัว ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือผิวหนังบริเวณที่ทำ Hifu จะถูกยกกระชับขึ้นมา ช่วยให้ใบหน้าดูเรียวและมีผิวพรรณที่ดูอ่อนเยาว์อย่างเห็นได้ชัด นอกจากนี้ยังสามารถช่วยกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนใหม่ ทำให้ผิวเนียนยกกระชับ รูขุมขนเล็กลง ริ้วรอยเล็กๆดีขึ้น

การทำ Hifu ไม่จำกัดอยู่แค่ใบหน้าเท่านั้น แต่ยังสามารถยกกระชับผิวในบริเวณเหนียง ลำคอ ต้นแขน และต้นขา ซึ่งเหมาะมาก ๆ สำหรับใครก็ตามที่กลัวเข็มหรือการผ่าตัด เพราะหลังจากทำ Hifu แล้วจะเห็นผลลัพธ์การยกกระชับผิวได้รวดเร็ว แถมการดูแลตัวเองหลังทำก็ง่ายและไม่ยุ่งยากอีกด้วย

ทั้งนี้ คุณควรศึกษาดูก่อนว่าปัญหาของผิวที่เกิดขึ้นกับคุณนั้นสามารถแก้ไขได้ด้วย Hifu หรือไม่ เพราะการทำ Hifu มีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง แถมยังมีรูปแบบของเครื่องมือที่แตกต่างกันทั้งในเรื่องยี่ห้อ เทคโนโลยี และความสามารถในการยกกระชับผิว ซึ่งอาจให้ผลลัพธ์ที่ดีพอ ๆ กันหรือด้อยกว่า เราแนะนำให้คุณลองไปปรึกษาเพื่อนหรือคนใกล้ชิดที่เคยไปทำ Hifu จะได้รู้ว่ามีอะไรบ้างที่ควรเตรียมตัวให้พร้อมก่อนเข้ามาที่คลินิก

Hifu ทำงานอย่างไร?

หลักการทำงานของเครื่อง Hifu ไม่ว่าจะเป็นยี่ห้อใดก็จะใช้การส่งผ่านคลื่นอัลตราซาวนด์แบบเฉพาะจุดเล็งลงไปที่ผิวหนัง ไล่มาจากชั้นหนังแท้ (Dermis) ต่อด้วยชั้นไขมันระดับตื้นใต้ผิวหนัง ไปจนถึงชั้น SMAS ซึ่งมีความลึกอยู่ 3 ระดับ ได้แก่ ความลึก 1.5, 3 และ 4.5 มม. 

โดยคลื่นอัลตราซาวนด์ที่เครื่อง Hifu ยิงไปยังผิวหนังจะแปรเปลี่ยนเป็นพลังงานความร้อนจุดเล็กที่มีอุณหภูมิอยู่ระหว่าง 65-70 องศาเซลเชียส ลงไปในผิวหนังชั้นต่าง ๆ จนทำให้ชั้น SMAS เกิดการหดตัว พร้อมกับกระตุ้นให้มีการสร้างคอลลาเจนรวมถึงอีลาสตินขึ้นมาใหม่ และผิวที่เคยหย่อนคล้อยก็จะกลับมามีความกระชับขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

แก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อยอย่างตรงจุด พร้อมวางแผนทำ Hifu ที่มีประสิทธิภาพสูง

โดยแพทย์ผู้มากประสบการณ์จาก EY Clinic

Hifu ช่วยเรื่องอะไรได้บ้าง?

ส่วนใหญ่คนที่เข้ามาปรึกษาคุณหมอเพื่อขอให้ช่วยทำ Hifu กับผิวหนังตามส่วนต่าง ๆ นั้น จะเป็นคนที่มีปัญหาผิวหนังหย่อนคล้อยจากอายุที่มากขึ้น สาเหตุหลักก็มาจากการที่อีลาสตินกับคอลลาเจนที่อยู่ในชั้นผิวหนังมีการยืดออก จนทำให้ผิวหนังเกิดการหย่อนคล้อยและไม่กระชับเหมือนตอนที่ยังอายุน้อย ๆ นั่นเอง

Hifu จึงถูกออกแบบมาสำหรับการกระตุ้นคอลลาเจนที่ใต้ชั้นผิวหนังให้มีเพิ่มมากขึ้น พร้อมทั้งช่วยสร้างเนื้อเยื่อที่มีชื่อว่า Fibroblasts ขึ้นมาใหม่ ซึ่งช่วยให้ผิวบริเวณดังกล่าวยกกระชับขึ้น ผิวพรรณเนียนนุ่ม รูขุมขนมีขนาดเล็กลง และสัมผัสได้ถึงผิวที่เนียนใสแลดูอ่อนเยาว์อย่างเป็นธรรมชาติ 

โดย Hifu จะส่งคลื่นเสียงความถี่สูงไปยังชั้นต่างๆ ของผิวหนังจนกว่าจะถึงส่วนที่เรียกว่า Superficial Musculo Aponeurotic System (SMAS) เพื่อทำให้เนื้อเยื่อหดตัวอย่างรวดเร็วและเปลี่ยนให้ผิวกลับมาตึงกระชับขึ้น ทั้งยังช่วยกระตุ้นเซลล์ต่างๆ เช่น Fibroblasts และกระตุ้นให้เซลล์ผิวหนังสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ผิวกระชับและเต่งตึงกว่าเดิม รูขุมขนเล็กลง ผิวเรียบเนียนและกระจ่างใสขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ

ไม่เพียงเท่านี้ คุณยังสามารถทำ Hifu ในบริเวณเหนียงเพื่อลดชั้นไขมันให้ลดลงและมีผิวใต้คางที่ยกกระชับขึ้น รวมถึงลดริ้วรอยบริเวณลำคอที่เคยเห็นได้ชัดให้จางลงได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ และหลังจากทำ Hifu แล้วก็ยังส่งผลต่อเนื่องระยะยาว ในแง่ของการป้องกันความหย่อนคล้อยของผิวที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตอีกด้วย

การทำ Hifu เหมาะกับใครบ้าง?

หลายคนอาจเคยได้ยินมาว่าคนที่เหมาะจะทำ Hifu ล้วนเป็นคนที่มีอายุสักหน่อย อายุประมาณ 35 ปีขึ้นไป แต่จริง ๆ แล้ว เราทุกคนไม่ว่าเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงที่มีอายุเกิน 20 ปี กว่า 90% จะเริ่มมีอาการยืดออกของอีลาสตินที่อยู่ใต้ชั้นผิวหนัง จนเริ่มเห็นได้ว่ามีร่องใต้ตา ร่องแก้ม และเมื่อปล่อยไว้นานวันเข้าผิวหนังของคุณก็จะเริ่มหย่อนคล้อยลงตามอายุที่มากขึ้น

บอกได้เลยตรงนี้ว่าการทำ Hifu สามารถเริ่มได้ตั้งแต่อายุ 20 ปลาย หรือน้อยกว่านั้น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดร่องใต้ตา ร่องแก้ม หรือแม้แต่ร่องบริเวณมุมปาก ยิ่งถ้าคุณเริ่มมีร่องเหล่านี้เกิดขึ้นบนใบหน้าแล้วก็จะยิ่งดูแก่ก่อนวัยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เราจึงสรุปให้คุณเข้าใจสั้น 4 ข้อว่าใครบ้างที่เหมาะกับการทำ Hifu ดังนี้

  1. คนที่มีปัญหาริ้วรอยในบริเวณร่องใต้ตา หรือร่องแก้มที่ไม่ได้ลึกมาก
  2. คนที่มีผิวหย่อนคล้อยและขาดความกระชับตามอายุที่มากขึ้น
  3. คนที่ต้องการผลยกกระชับผิวด้วยวิธีที่ไม่ต้องมีการผ่าตัดหรือฉีดยาเข้าไป
  4. คนที่ไม่มีเวลานอนพักฟื้นและอยากเห็นผลลัพธ์การยกกระชับได้ทันที

Hifu ของ EY clinic เป็นเครื่องอะไร

EY Clinic เราใช้เครื่อง Hiqueen ที่มีจุดเด่นคือ คลื่นเสียงจะออกมาเป็นจุดใหญ่กว่า Hifu แบรนด์อื่น ทำให้มีประสิทธิภาพสูงในขณะเดียวกันก็มีความปลอดภัยไม่มีผลต่อผิวหนังชั้นบน Hiqueen ใช้จำนวนช็อตน้อยกว่าเครื่องอื่นๆ โดยใช้ประมาณ 300 shots สำหรับทั่วหน้าและลำคอ

สามารถทำ Hifu ที่ส่วนไหนได้บ้าง?

ใครมีปัญหาผิวหย่อนคล้อยไม่กระชับในหลาย ๆ จุดตามร่างกาย ขอบอกว่าคุณสามารถทำ Hifu เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้ในทุกบริเวณที่ต้องการ โดย EY Clinic เราใช้เครื่อง Hiqueen มาพร้อมคุณสมบัติในการส่งคลื่นอัลตราซาวนด์ที่สร้างพลังงานความร้อนไปยังใต้ชั้นผิวหนัง เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินให้มีเพิ่มมากขึ้น ซึ่งสามารถช่วยแก้ปัญหาที่คุณมีเกี่ยวกับผิวได้อย่างตรงจุด

นอกจากนี้ คุณยังสามารถกลับมาทำ Hifu ซำ้ได้อีกทุก ๆ 4-6 เดือน เพื่อผลลัพธ์ที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง และไม่เป็นการเสียเวลาเรามาดูกันว่าสามารถทำ Hifu ที่ส่วนใดของร่างกายได้บ้างกันดีกว่า

ทำ Hifu ที่บริเวณใต้ตา

เริ่มต้นกันด้วยการทำ Hifu เพื่อลดริ้วรอยใต้ตารวมถึงบริเวณรอบตัวตาได้อย่างปลอดภัย เนื่องจากคุณหมอสามารถเล็งตำแหน่งของการยิงคลื่นเสียงเพื่อเก็บรายละเอียดเล็ก ๆ ได้ทั่วบริเวณรอบดวงตา และหลังจากทำแล้วคุณก็จะกลับมามีผิวใต้ตาที่เรียบเนียนและตึงกระชับมากขึ้น

แต่หากใครมีปัญหาผิวใต้ตาหย่อนคล้อยมากก็ยังสามารถทำ Hifu รวมกับการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเพื่อเสริมร่องลึกที่มีอยู่ให้ตื้นขึ้นจนแทบมองไม่เห็นริ้วรอยร่วมด้วยก็ได้

ทำ Hifu ที่บริเวณแก้ม

บริเวณแก้มสามารถทำ Hifu เพื่อยกแก้มที่เคยหย่อนคล้อยหรือเต็มไปด้วยไขมัน ให้กลับมามีใบหน้าที่เป็นกรอบชัดเจนแบบเรียวขึ้นทรงวีเชฟ ด้วยการกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนใหม่ที่ยืดหยุ่นและฟูเต็มขึ้นกว่าเดิม ผลลัพธ์ที่คุณจะได้รับก็คือการมีแก้มที่ดูเต่งตึงเข้ารูปใบหน้ามากขึ้น

ทำ Hifu ที่บริเวณเหนียง

สำหรับใครที่มีเหนียง คางสองชั้น คอยกวนใจคุณอยู่ตลอดเวลา ก็สามารถทำ Hifu เพื่อลดไขมันส่วนเกินที่ใต้คางรวมถึงใบหน้าส่วนล่าง หลังจากทำแล้วคุณจะเห็นผลได้ทันทีว่าเหนียงที่เคยหย่อนคล้อย จะค่อย ๆ หดตัวกลับเข้าไปเพราะมีการสร้างคอลลาเจนขึ้นมาใหม่จนผิวหนังกระชับขึ้นอย่างเห็นได้ชัด 

EY Clinic เราเลือกใช้เครื่อง Hifu จากแบรนด์ชั้นนำระดับโลก

เพื่อยกกระชับใบหน้าหรือผิวตามส่วนต่าง ๆ ของคุณให้กลับมาดูอ่อนเยาว์

7 ข้อดีของการทำ Hifu

  1. Hifu ไม่ทำให้คุณต้องถูกเข็มหรือโดนผ่าตัด
  2. Hifu ไม่มีรอยแดงช้ำหลังทำเสร็จแล้ว
  3. Hifu ไม่ต้องพักฟื้นนาน ๆ ให้รู้สึกกังวล
  4. Hifu ไม่ทำร้ายผิวชั้นนอก และมีความปลอดภัยสูงมาก
  5. Hifu ยกกระชับผิวบริเวณใบหน้า ใต้ตา หรือแก้ม พร้อมลดริ้วรอยและสลายไขมันได้บางส่วน
  6. Hifu บริเวณใต้ตาและรอบดวงตาได้โดยไม่เป็นอันตรายต่อดวงตา
  7. Hifu ได้บ่อยเท่าที่ต้องการ และยังสามารถทำหัตถการเสริมความงามอย่างอื่นได้อีกด้วย

ทำ Hifu แล้วเจ็บไหม?

หากคุณยังไม่กล้าที่จะทำ Hifu เพราะว่ากลัวความเจ็บ เราบอกคุณได้ว่าไม่ว่าจะทำ Hifu ด้วยเครื่องยี่ห้อไหนก็ยังสัมผัสได้ถึงอาการเจ็บอยู่บ้าง เพราะระหว่างที่เครื่อง Hifu ทำงานด้วยการส่งคลื่นเสียงอัลตราซาวนด์ยิงไปที่ใต้ชั้นผิวหนัง คุณจะรู้สึกปวดตึงประมาณนึง แต่นั่นเป็นการการันตีว่า Hifu ได้เข้าไปถึงชั้นเยื่อหุ้มกล้ามเนื้อ SMAS ที่กระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนใหม่ พร้อมกับอีลาสตินที่ช่วยให้ผิวหนังกลับมากระชับ

ทั้งนี้ หลังจากที่ทำ Hifu ก็จะมีอาการบวมบนผิวในบริเวณที่ทำเล็กน้อยแต่ก็จะค่อย ๆ ยุบลงไปเองในเวลาไม่นาน โดยผลของการทำ Hifu ด้วยเครื่อง hi-queen ของ EY Cilnic จะคงอยู่ได้นานตั้งแต่ 4-6 เดือน ดังนั้นหากคลินิกไหนบอกคุณว่าการทำ Hifu ที่นั่นไม่มีอาการเจ็บเลยแม้แต่น้อย ขอให้สันนิษฐานว่าคลินิกนั้นอาจไม่ได้ใช้เครื่อง Hifu ที่ได้มาตรฐาน หรือแพทย์ผู้ใช้งานไม่ได้เข้าใจในเรื่องการทำ Hifu อย่างแท้จริง

การเตรียมตัวทั้งก่อนและหลังการทำ Hifu

หากคุณคิดอยากทำ Hifu ก็สามารถเข้ามาปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการแก้ไขปัญหาผิวหนังหย่อนคล้อยที่ EY Clinic ได้ทันที ถ้าคุณหมอของเราพิจารณาแล้วว่าคุณเหมาะสมที่จะทำ Hifu เพื่อยกกระชับผิว ก็เริ่มรับการทำ Hifu ได้ในวันนั้นเลยหากคิวคุณหมอว่าง โดยก่อนและหลังทำ Hifu คุณควรปฏิบัติตามดังนี้

ก่อนทำ Hifu ควรปฏิบัติตนอย่างไร?

  • งดการสูบบุหรี่หรือดื่มแอลกอฮอล์ก่อนทำ Hifu เป็นเวลา 1 หนึ่ง
  • รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่
  • นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอในคืนก่อนที่จะมาทำ Hifu

หลังทำ Hifu ควรปฏิบัติตนอย่างไร?

  • หลังจากทำ Hifu อาจจะพบว่าผิวหนังบริเวณที่ทำมีรอยแดงหรือรู้สึกระบมลึก ๆ ใต้ชั้นผิวหนัง แนะนำให้หลีกเลี่ยงการสัมผัสโดนผิวแรง ๆ จะดีที่สุด
  • คุณสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ ไม่ต้องหยุดเพื่อพักฟื้นผิวแต่อย่างใด และเริ่มสังเกตเห็นว่าผลลัพธ์เรื่องการยกกระชับผิวจะดีขึ้นเรื่อย ๆ
  • หากต้องการสวยมั่นใจเวลาออกไปไหนก็สามารถแต่งหน้าได้ตามปกติ รวมถึงการบำรุงผิวหน้าและทาครีมกันแดดได้ตามปกติ
  • ใครที่อยากสวยหล่อมั่นใจมากขึ้น ระหว่างนี้คุณก็สามารถทำทรีตเมนต์หรือเลเซอร์อื่นๆ ได้ โดยให้เว้นระยะห่าง 1 สัปดาห์ หลังจากที่ทำ Hifu แล้ว

เราใส่ใจทุกรายละเอียด พร้อมมอบคำแนะนำก่อนและหลังการทำ Hifu

เพื่อช่วยให้ผลลัพธ์การยกกระชับผิวอยู่กับคุณได้นานที่สุด

ควรเลือกทำ hifu ที่ไหนดี รีวิวและราคา

การทำตัดสินใจทำ Hifu ที่ไหนก็ตามคุณควรเข้าไปปรึกษากับเจ้าหน้าที่รวมถึงแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อประเมินในเบื้องต้นก่อนว่าปัญหาผิวหย่อนคล้อยที่คุณกำลังประสบปัญหาอยู่นั้น สามารถแก้ไขให้กลับมาดีขึ้นได้ด้วยการทำ Hifu หรือไม่ เพราะว่าถ้าคุณมีปัญหาร่องลึกใต้ดวงตาหรือบริเวณร่องแก้มที่ลึกจนเห็นได้ชัด แบบนี้การทำ Hifu ก็จะช่วยลดริ้วรอยได้ในระดับหนึ่ง 

แน่นอนว่าคลินิกที่ดีจะแนะนำให้คุณเลือกแก้ปัญหาร่องลึกเหล่านี้ด้วยการฉีดฟิลเลอร์เพิ่มเติมร่องให้ดูเต็มก่อน โดยจะเห็นผลลัพธ์หลังทำทันทีประมาณ 70-90% ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาที่ตรงจุดแถมยังเห็นผลรวดเร็วและไม่สิ้นเปลืองเงินจนเกินไปด้วย หากคุณอยากเก็บริ้วรอยหรือร่องลึกให้หายเนียนไปเลย ก็สามารถทำ Hifu เพื่อยกกระชับผิวพร้อมกับฟื้นฟูความเรียบเนียนให้ดูอ่อนเยาว์ขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติด้วยก็ได้

ส่วนใครที่กังวลว่าถ้าฉีดฟิลเลอร์ยกหน้าไปแล้วจะทำ Hifu ต่อได้เลยไหม เพราะกลัวว่าคลื่นเสียงของเครื่อง Hifu จะเข้าไปทำให้ฟิลเลอร์ละลายหายไป แนะนำว่าให้เว้นจากการทำฟิลเลอร์อย่างน้อย3-4 สัปดาห์ค่อยทำ Hifu หรืออาจเลือกทำ Hifuก่อนแล้วค่อยเติมฟิลเลอร์

แต่ถ้าใครค่อนข้างกลัวหรือไม่ถูกกับเข็มฉีดยา อาจเริ่มด้วยการทำ Hifu อย่างต่อเนื่องแทนการฉีดฟิลเลอร์ก็ได้เช่นกัน แต่การทำ Hifu แต่ละครั้งนั้นจะช่วยยกกระชับและฟื้นฟูผิวให้เต่งตึงขึ้นราว 10-20% นั่นหมายความว่าถ้ามีปัญหาเรื่องความหย่อนคล้อยเยอะ หรือ มีร่องลึกมาก การทำ Hifu อาจไม่สามารถทดแทนการฉีดฟิลเลอร์ได้

4 ข้อที่คุณควรพิจารณาก่อนทำ Hifu ที่คลินิกไหนก็ตาม

  1. เครื่อง Hifu ที่ใช้ได้มาตรฐานไหม?

หากเป็นไปได้ให้คุณลองศึกษาดูว่าคลินิกที่กำลังจะไปทำ Hifu นั้นเขาเลือกใช้เครื่องยี่ห้อไหน มีเทคโนโลยีอะไรบ้าง เพราะผลลัพธ์การยกกระชับผิวจะออกมาดีและอยู่ได้นานหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับเครื่องที่ใช้ทำ Hifu เป็นหลัก ซึ่งหากคลินิกไหนเลือกใช้เครื่อง Hifu ที่ไม่ได้มาตรฐานก็จะมีข้อเสียดังนี้

  • คลื่นเสียงความถี่สูงที่ส่งไปในแต่ละจุดขาดความเสถียร บางครั้งก็แรงบางครั้งก็เบา แพทย์จึงหลีกเลี่ยงการใช้ความแรงในระดับที่เบากว่าปกติ เพราะหากปรับความแรงสูงเกินไปก็อาจไปกระทบกับผิวจนเกิดการไหม้หรือมีสิทธิ์ไปโดนเส้นประสาทบนใบหน้าของคุณได้ ทำให้เห็นผลลัพธ์การยกกระชับผิวที่น้อยกว่าตามการใช้ระดับความแรงของเครื่อง Hifu ที่เบากว่าปกติ จริงอยู่ที่การทำ Hifu ที่ระดับความแรงน้อย ๆ จะไม่ทำให้คุณรู้สึกเจ็บ แต่มันก็ใช้เวลาทำค่อนข้างนาน แถมผลการฟื้นฟูและยกกระชับผิวยังอยู่ได้ไม่นานอีกด้วย
  1. ราคาทำ Hifu แต่ละครั้ง

ปกติแล้วแต่ละคลินิกจะตั้งราคาการทำ Hifu ที่แตกต่างกัน โดยขึ้นอยู่กับเครื่องที่นำมาใช้ จำนวนช็อตที่ใช้ และในบางคลินิกไม่ได้ใช้แพทย์เป็นผู้ทำHifu เราแนะนำให้สอบถามอย่างละเอียดว่าการทำ Hifu ในแต่ละครั้งจะใช้กี่ช็อตแต่หากเลือกเป็นแบบเหมาทั้งหน้าก็ต้องถามให้แน่ใจว่าในแต่ละจุด แพทย์ผู้ทำได้ยิงช็อต ออกมากี่จุด เพราะปกติแล้ว 1 ช็อตจะมีการยิงคลื่นเสียงประมาณ 15-25 จุด ซึ่งก็มีบางคลินิกที่นับเป็น 1 ช็อต ต่อ 1 จุด อันนี้คุณต้องถามให้แน่ใจก่อนจ่ายเงินเพื่อทำ Hifu ทุกครั้ง

สำหรับราคาทำ Hifu แบบทั่วหน้าที่ EY Clinic ไล่ตั้งแต่ ใบหน้า รอบดวงตา ยกคิ้ว เหนียง และลำคอ จะอยู่ที่ 9,999 บาทต่อครั้ง ลดจาก 12,000 บาท และถ้าใครสนใจอยากทำแพ็กเกจ Hifu อื่น ๆ ก็สามารถดูได้จากตารางด้าน[o

  1. แพทย์ผู้ทำ Hifu

ด้วยความที่การทำ Hifu มีรูปแบบการยิง shot บนผิวแต่ละจุดอย่างชัดเจน ทำให้ดูเหมือนการทำโดยแพทย์แต่ละท่านอาจได้ผลไม่ต่างกันมากนัก อย่างไรก็ตามการทำโดยแพทย์ที่ชำนาญจะลดความเสี่ยงในการเกิดปัญหาต่างๆเช่น ตั้งค่าพลังงานหรือเทคนิคไม่เหมาะสมซึ่งอาจทำให้เกิดการ burn ได้ นอกจากนี้แพทย์ที่มีความชำนาญสูงจะดูแลและแก้ปัญหาให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคลโดยทิศทางการวางหัว Hifu จำนวนช็อต หรือ ค่าพลังงานล้วนแต่มีผลต่อการทำ Hifu ทั้งสิ้น จึงแนะนำให้ทำกับแพทย์ที่มีประสบการณ์และความชำนาญจะทำให้ได้ผลดีที่สุด

  1. การให้คำแนะนำทั้งก่อนและหลังทำ Hifu

จากที่คุณอ่านมาทั้งหมดคงคิดในใจแล้วว่าการทำ Hifu คงช่วยให้ผิวหน้าที่เคยหย่อนคล้อยกลับมาเต่งตึงแลดูกระชับเหมือนครั้งยังเป็นหนุ่มสาวใช่ไหม แต่จริง ๆ แล้ว Hifu อาจได้ผลดีมากน้อยขึ้นกับผิวและปัญหาของแต่ละบุคคล

วิธีที่จะช่วยให้คุณเข้าใจถึงการทำ Hifu รวมถึงผลลัพธ์ที่ออกมาได้อย่างละเอียดที่สุด ก็คือการได้พูดคุยกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโดยตรง จะได้รู้จากคุณหมอเลยว่าสิ่งที่คุณคิดไว้ กับสิ่งที่คุณจะได้หลังจากทำ Hifu แล้ว จริง ๆ ได้ผลดีประมาณไหน เพื่อที่คุณจะได้ไม่เข้าใจผิดและช่วยให้แพทย์สามารถนำเสนอแผนการรักษาที่เหมาะกับคุณนั่นเอง

ทำไมต้องทำ Hifu ที่ EY Clinic?

แม้ว่าในปัจจุบันการทำ Hifu จะมีคลินิกที่รับทำอย่างแพร่หลายทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดทั่วประเทศ แต่ก็มีคลินิกจำนวนไม่มากที่มีคุณสมบัติเพียบพร้อม ทั้งในเรื่องแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่รู้ลึกรู้จริงเรื่องผิวหนังและด้านความสวยความงาม โดยคุณหมอที่ประจำอยู่ที่ EY Clinic ของเรา เป็นแพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนังและเวลล์เนสที่มีประสบการณ์รวมกว่า 30 ปีจากสถาบันชั้นนำของประเทศ จึงทำให้คุณมั่นใจได้มากที่สุด

ไม่เพียงเท่านี้ EY Clinic ยังเลือกใช้เครื่องไม้เครื่องมือที่มีเทคโนโลยีทันสมัยจากต่างประเทศ ที่ผ่านการรับรองและพิสูจน์จากทั่วโลกมาแล้วว่าให้ผลลัพธ์ที่ดี มีความปลอดภัยสูง เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาผิวหย่อนคล้อยของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ บวกกับหลักปฏิบัติต่าง ๆ ในคลินิกที่เป็นไปตามมาตรฐานของสากล และบุคลากรของเราทุกคนผ่านการฝึกอบรมมาเป็นอย่างดี ในการมอบคำแนะนำ ตลอดจนให้การช่วยเหลือในทุกเรื่องที่คุณต้องการ

ยกกระชับทั้งใบหน้าของคุณให้กลับมาดูดีและรู้สึกมั่นใจมากขึ้น ด้วยการทำ Hifu กับ EY Clinic

การทำ Hifu นั้นสามารถช่วยแก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อยไม่กระชับทั้งบริเวณใบหน้า รอบดวงตา ร่องแก้ม เหนียง รวมถึงลำคอได้เป็นอย่างดี ซึ่งคุณได้ทำความเข้าใจแล้วว่ามีเรื่องอะไรบ้างที่ต้องรู้และเตรียมตัวเพื่อให้การทำ Hifu ออกมาดีตามที่คุณคาดหวังไว้ในตอนแรก หากคุณอยากปรึกษาเรื่องการทำ Hifu กับแพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนังและเวลล์เนสที่มีประสบการณ์รวมกว่า 30 ปีจากสถาบันชั้นนำของประเทศ ก็โทรมาที่ 061 594 1923 หรือ LINE Official: @EyclinicTH

บทความ

เคล็ดลับและเทคนิคจากแพทย์ของเรา ที่คนส่วนใหญ่สนใจ
ดูบทความทั้งหมด
หลังทำ Ultraformer ควรดูแลตัวเองอย่างไร?
ไฮฟู ยกกระชับ
หลังทำ Ultraformer ควรดูแลตัวเองอย่างไร?
Ultraformer คือ เทคโนโลยียกกระชับผิวหน้าด้วยคลื่นเสียงอัลตราซาวด์ความเข้มข้นสูง หรือ HIFU (High Intensity Focused Ultrasound) ค่ะ โดยคลื่นพลังงานเสียงที่ถูกปล่อยลงสู่ชั้นผิวจะเปลี่ยนเป็นความร้อน ซึ่งทำให้เนื้อเยื่อหดตัวและกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนใหม่ค่ะ ซึ่ง Ultraformer มีความโดดเด่นที่เทคโนโลยี MMFU (Micro & Macro Focused Ultrasound) พร้อมหัวยิงพลังงานหลายขนาด ซึ่งช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นและความแม่นยำให้การรักษามากขึ้นค่ะ Ultrafomer ทำงานได้ลึกถึงชั้น SMAS (Superficial Muscular Aponeurotic System) ซึ่งเป็นชั้นผิวเดียวกับที่ศัลยแพทย์ใช้ในการผ่าตัดดึงหน้า ทำให้สามารถแก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อยและริ้วรอยได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังส่งพลังงานได้ลึกถึงชั้นไขมันใต้ผิวหนัง (Subcutaneous fat) ซึ่งช่วยกระชับ เช่น บริเวณเหนียง แก้ม ต้นแขน และต้นขาได้ค่ะ
หลังทำ Ultraformer ควรดูแลตัวเองอย่างไร?
Dr. Patnapa Vejanurug
Sep 11, 2025
Ultraformer vs Ulthera ต่างกันอย่างไร? อันไหนดีกว่ากัน?
ไฮฟู ยกกระชับ
Ultraformer vs Ulthera ต่างกันอย่างไร? อันไหนดีกว่ากัน?
ทั้ง Ultraformer และ Ulthera คือ เทคโนโลยียกกระชับผิวที่ตอบโจทย์คนที่ไม่ต้องการผ่าตัด ไม่ต้องการใช้ตัวยา และต้องการหัตถการที่เห็นผลได้เร็วค่ะ ในบทความนี้เราจะมาสำรวจความเหมือนและความต่างของ Ultraformer vs Ulthera ไปเรียนรู้กันว่าตัวไหนโดดเด่นอย่างไร และเครื่องยกกระชับยี่ห้อไหน เหมาะกับเราที่สุดค่ะ
Ultraformer vs Ulthera ต่างกันอย่างไร? อันไหนดีกว่ากัน?
Dr. Patnapa Vejanurug
Sep 11, 2025
เปรียบเทียบ HIFU vs Ultraformer สองเทคโนโลยียกกระชับต่างกันอย่างไร?
ไฮฟู ยกกระชับ
เปรียบเทียบ HIFU vs Ultraformer สองเทคโนโลยียกกระชับต่างกันอย่างไร?
HIFU (High Intensity Focused Ultrasound) คือ เทคโนโลยียกกระชับผิวด้วยคลื่นเสียงอัลตราซาวด์ที่มีความเข้มข้นสูงค่ะ โดยเมื่อยิงพลังงานจะทำให้เกิดความร้อนในจุดเล็ก ๆ (Thermal Coagulation Point) ส่งผลให้เนื้อเยื่อบริเวณนั้นหดตัวและกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวกระชับและเรียบเนียนยิ่งขึ้น อีกทั้งยังเป็นวิธีที่ปรับรูปหน้าให้เรียวขึ้นโดยไม่ต้องผ่าตัดค่ะ HIFU เป็นหัตถการยกกระชับที่ไม่ต้องใช้เข็ม ไม่สร้างแผล และไม่ต้องพักฟื้น ซึ่งก็ถือว่าเป็นทางเลือกที่มีประสิทธิภาพและความเสี่ยงต่ำมาก ๆ ทำให้เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยดูแลผิวและเสริมความมั่นใจที่หลาย ๆ คนให้ความสนใจค่ะ
เปรียบเทียบ HIFU vs Ultraformer สองเทคโนโลยียกกระชับต่างกันอย่างไร?
Dr. Patnapa Vejanurug
Sep 11, 2025
acne & acne scar expert
เรามีทรีตเมนต์หลากหลายที่ออกแบบมาเพื่อส่งเสริมสุขภาพโดยรวมของคุณ ตั้งแต่การดูแลผิวไปจนถึงโภชนาการ เรามีทุกสิ่งที่คุณต้องการเพื่อให้คุณรู้สึกดีที่สุด