ฟิลเลอร์ใต้ตา
- ช่วยลดเลือนริ้วรอย ใต้ตาคล้ำ และร่องลึกบริเวณใต้ตา
- เพิ่มวอลลูมใต้ตา ทำให้ดวงตาดูสดใสและอ่อนเยาว์ขึ้น
- ไม่ต้องผ่าตัด และไม่ต้องใช้เวลาฟื้นตัว
- เห็นผลลัพธ์ได้ทันที และอาจอยู่ได้นานถึงประมาณหนึ่งปีขึ้นอยู่กับแบรนด์ที่เลือกใช้
- การทำฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นการฉีดซึ่งมีความปลอดภัยสูงหากดำเนินการโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
- เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ไม่สะดวกในการผ่าตัด
neuramis (korea)
deep
neuramis (korea)
volume
filler restylane (sweden)
vital lite
filler restylane (sweden)
kysse
filler juvenderm (usa)
ultraplus/vobella
filler juvenderm (usa)
volift
filler juvenderm (usa)
voluma
filler restylane (sweden)
classic/defyne

ฟิลเลอร์ใต้ตา ตัวช่วยสำคัญเพื่อดวงตาสดใส มีชีวิตชีวา
หากคุณเป็นคนที่มีปัญหาใต้ตาคล้ำ มีริ้วรอยรอบดวงตา ตีนกา ร่องตาลึก หรือปัญหาผิวรอบดวงตาอื่น ๆ กวนใจที่เกิดจากอายุที่มากขึ้น หรือการแสดงอารมณ์ที่ทำให้เห็นริ้วรอยชัดเจน แต่ไม่อยากทำศัลกรรม การทำฟิลเลอร์ใต้ตาจึงเป็นทางเลือกที่จะช่วยแก้ปัญหารอบดวงตาได้ที่ตอบโจทย์ความต้องการของคุณได้มากที่สุด
EY Clinic พร้อมให้บริการ ให้คำแนะนำในการเตรียมตัว การดูแลตัวเองทั้งก่อนและหลังฉีดฟิลเลอร์ที่ถูกต้องกับลูกค้าทุกราย โดยคำนึงถึงความปลอดภัยในการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นอันดับแรก ควบคู่กับการแก้ปัญหาใต้ตาให้สวยสดใส และดูอ่อนเยาว์ขึ้นได้ทันทีหลังฉีด
ฟิลเลอร์ใต้ตาคืออะไร?
ฟิลเลอร์ที่ให้สำหรับใต้ตาเป็นฟิลเลอร์ประเภทไฮยาลูรอนิค แอซิด (HA) ซึ่งเป็นสารประเภทเดียวกับฟิลเลอร์ที่ใช้ฉีดส่วนอื่นของใบหน้า เป็นสารที่มีความปลอดภัยสูงและผ่านการรับรองจาก อย. ประเทศไทย ซึ่งฟิลเลอร์ใต้ตาที่ EY Clinic ใช้เป็นฟิลเลอร์แท้ที่สามารถสลายได้ ขึ้นอยู่กับยี่ห้อและรุ่นที่มีประสิทธิภาพแตกต่างกัน
ด้วยคุณสมบัติของฟิลเลอร์ใต้ตาที่ถูกพัฒนาให้เป็นสารเลียนแบบธรรมชาติที่จะช่วยเติมเต็มเนื้อเยื่อใต้ผิวหนังให้กับมาอิ่มฟู ดูสุขภาพดี และเป็นตัวเลือกในการแก้ปัญหาใต้ตาลึก กระดูกใต้ตายุบ มีริ้วรอยรอบดวงตา และปัญหารอบดวงตาอื่น ๆ ที่เกิดจากอายุที่มากขึ้น บวกกับการแสดงอารมณ์หรือสีหน้าที่ทำให้เกิดร่องลึกรอบดวงตาโดยที่คุณอาจไม่รู้ตัว ทำให้ใบหน้าดูเหี่ยวเฉา ไม่สดใส
ฟิลเลอร์ใต้ตาเหมาะกับใคร?
เหมาะกับคนที่ไม่อยากผ่าตัดหรือร้อยไหมยกกระชับริ้วรอยรอบดวงตาให้ตื้นขึ้น เพราะไม่อยากลางาน หรือพักฟื้นหลายวัน จึงทำให้มีคนหันมาฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาที่ช่วยแก้ปัญหาได้หลากหลายมากขึ้น แถมยังได้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ พร้อมเพิ่มความมั่นใจให้คุณสวยหล่อได้ทุกองศา
ปัญหาใต้ตาเกิดจากอะไร?

สาเหตุหลักของปัญหาใต้ตา
สาเหตุหลักของปัญหาใต้ตา
- อายุมากขึ้น ร่างกายผลิตคอลลาเจนน้อยลง
ธรรมชาติของผิวใต้ตาคนเรานั้นมีคอลลาเจนอยู่ เพื่อกักเก็บความชุ่มชื้นไว้ แต่เมื่ออายุมากขึ้น ร่างกายผลิตคอลลาเจนน้อยลง จึงทำให้ผิวรอบดวงตามีริ้วรอยง่าย แม้จะใช้อายครีมเป็นประจำแล้ว แต่ก็ไม่สามารถกู้ผิวให้กลับมาสดใสเหมือนเดิมได้
- การแสดงอารมณ์ทางสีหน้า
หลายคนอาจไม่รู้ตัวว่าตัวเองเป็นคนที่แสดงอารมณ์ทางสีหน้า พอทำบ่อย ๆ ก็จะติดจนเป็นนิสัยที่แก้ไม่ได้ จนเกิดเป็นริ้วรอยได้ตั้งแต่อายุยังน้อย
- นอนพักผ่อนไม่เพียงพอ เครียดสะสม หรือเป็นภูมิแพ้กรรมพันธ์ุ
เมื่อไรที่คุณหักโหมงานหนัก ไม่หลับไม่นอนข้ามคืน ไปปาร์ตี้กับเพื่อนดึก ๆ ดื่น ๆ หรือเครียดสะสมเป็นเวลานาน จะทำให้ผิวใต้ตาดำคล้ำเหมือนแพนด้า และอาจทำให้ผิวรอบดวงตาแห้งจนเกิดเป็นริ้วรอยก่อนวัยได้
บางคนอาจมีปัญหาภูมิแพ้รอบดวงตาที่มีสาเหตุจากระบบไหลเวียนเลือดที่มีปัญหา ทำให้เส้นเลือดใต้ตาขยายตัวและมีสีเข้มกว่าปกติ ซึ่งเป็นสาเหตุที่พบได้ทั่วไป แต่ปัจจุบันยังไม่มีวิธีรักษาที่ทำให้หายขาดได้
- มีไขมันใต้ตาน้อยเกินไป
ลองส่องกระจกดูซิว่า ไขมันใต้ตาของคุณมีน้อยเกินไปหรือเปล่า เพราะนั่นแหละที่ทำให้ใบหน้าของคุณดูโทรมและดูหน้าแก่กว่าอายุจริง
- กระดูกใต้ตายุบ
ข้อนี้อาจเกิดจากอายุที่มากขึ้น หรือความผิดปกติบริเวณกระดูกใต้ตาที่ยุบไปมากเสียจนเป็นร่องลึกใต้ตาให้เห็นชัดเจน
ริ้วรอยใต้ตาตื้นขึ้นทันทีหลังฉีดฟิลเลอร์ โดยแพทย์ที่มีประสบการณ์กว่า 10 ปี
วิธีแก้ใต้ตาคล้ำ ถุงใต้ตา และปัญหารอบดวงตาอื่น ๆ
- ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
เป็นวิธีที่ทำแล้วเห็นความเปลี่ยนแปลงชัดเจนเร็วและตรงจุดที่สุด โดยใช้สารไฮยาลูรอนิค แอซิดในฟิลเลอร์เป็นตัวช่วยในการเติมเต็มร่องลึก ริ้วรอยเหี่ยวย่น ริ้วรอยที่เกิดจากการแสดงอารมณ์ และฟื้นฟูผิวรอบดวงตาให้ชุ่มชื้นสดใสอย่างเป็นธรรมชาติ
- ทาครีมรอบดวงตา
หมั่นทาครีมรอบดวงตาเป็นประจำทุกวันช่วยลดเลือนริ้วรอยได้ แถมยังได้บำรุงผิวรอบดวงตาให้ชุ่มชื้นมากขึ้นไปพร้อม ๆ กัน แต่คุณต้องทาครีมอย่างสม่ำเสมอทุกวัน ซึ่งครีมรอบดวงตาที่คุณใช้จะต้องมีสารให้ความชุ่นชื้นผสมอยู่ด้วยมากพอ เพื่อการบำรุงผิวอย่างล้ำลึก
แต่ขอเตือนไว้ก่อนว่า วิธีนี้ไม่เหมาะกับคนที่อยากเห็นความเปลี่ยนแปลงเร็ว เพราะต้องใช้เวลาในการบำรุงผิวหลายเดือน หรืออาจนานกว่านั้น
- มาส์กใต้ตา
โดดเด่นในการช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและบำรุงผิวรอบดวงตาให้สวยปิ๊งได้ ซึ่งสารบำรุงในมาส์กใต้ตามีคุณสมบัติเหมือนอายครีมที่มีสารให้ความชุ่มชื้นผสมอยู่ด้วย เหมาะกับคนที่มีผิวรอบดวงตาแห้งมาก ๆ และต้องใช้อย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกวันจึงจะเห็นผลชัดเจน
- เลเซอร์ใต้ตา
เทคนิคการเลเซอร์ถุงใต้ตาด้วยไมโครเลเซอร์ เพื่อแก้ปัญหาไขมันที่สะสมบริเวณใต้ตา และเปลือกตาที่มีมากเกินไป ทำให้ตาดูบวมเป่ง ดูไม่สวย ซึ่งการทำเลอร์ใต้ตามีข้อจำกัดสำหรับคนที่อายุมาก จึงเหมาะกับคนอายุน้อยที่มีปัญหาไขมันใต้ตามากกว่า เพราะไม่สามารถแก้ปัญหาผิวที่หย่อนคล้อยให้กระชับขึ้นได้
- ฉีดไขมันใต้ตา
เหมาะกับคนที่มีปัญหาใต้ตาลึก กระดูกตายุบจนเห็นเป็นร่องลึกชัดเจน ทำให้ใบหน้าหน้าดูโทรมและอิดโรย ดูไม่สดใส ซึ่งวิธีนี้มีหลักการเดียวกันกับการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาที่ช่วยเต็มเต็มผิวให้อิ่มฟูขึ้น แต่ต่างกันที่ต้องดูดไขมันส่วนเกินของตัวเองมาฉีดแทนฟิลเลอร์ใต้ตา
- ผ่าตัดถุงใต้ตา
ใครที่มีปัญหาถุงใต้ขอบตานูนใหญ่ ถุงใต้ตา 2 ข้างไม่เท่ากัน ผิวใต้ตาย้อย หรือใต้ตาดำคล้ำ สามารถแก้ได้ด้วยการผ่าตัดถุงใต้ตา วิธีนี้จะช่วยปรับสภาพผิวรอบดวงตาให้ดูอ่อนเยาว์ เนียนเสมอกันมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ข้อดีและข้อควรระวังในการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตามีอะไรบ้าง?
ข้อดีของการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
- เจ็บน้อย หรือแทบไม่เจ็บเลย ใต้ตาไม่ช้ำ เหมือนการผ่าตัดไขมันใต้ตา
- ไม่ต้องพักฟื้น ยุบบวมเร็ว
- เห็นความเปลี่ยนแปลงทันทีหลังทำ
- แก้ไขความผิดพลาดง่ายกว่าการผ่าตัด ด้วยการฉีดสลายฟิลเลอร์ใต้ตา
- แก้ปัญหาใต้ตาคล้ำ ผิวใต้ตาไม่เรียบเสมอกัน และช่วยทำให้ริ้วรอยรอบดวงตาตื้นขึ้น
- มีโอกาสแพ้น้อยมาก หรือแทบไม่มีมีอาการแพ้เลย เพราะใช้สารไฮยาลูรอนิค แอซิดที่เลียนแบบสารที่ร่างกายผลิตได้เองตามธรรมชาติ
ข้อควรระวัง
- ไม่ควรฉีดใต้ตาด้วยฟิลเลอร์ปลอม เพราะแก้ไขยากมาก และไม่สามารถฉีดสลายได้ และต้องขูดฟิลเลอร์ออกหลายครั้งจนกว่าจะหมดไป
- ไม่ควรฉีดฟิลเลอร์ใต้ตากับแพทย์ที่ไม่ชำนาญ เพราะแพทย์อาจฉีดฟิลเลอร์เข้าเส้นเลือดสำคัญ ทำให้เส้นเลือดอุดตัน ซึ่งมีโอกาสทำให้คุณสูญเสียการมองเห็นได้
- ไม่ควรใช้ฟิลเลอร์ที่ไม่ผ่าน อย. ประเทศไทย เพราะอาจมีอาการข้างเคียงรุนแรงได้ เช่น ฟิลเลอร์เป็นก้อน ติดเชื้อรอบดวงตา
- ไม่ออกกำลังกายหนัก ๆ ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล สูบบุหรี่ หรือทำกิจกรรมที่ทำให้หน้าของคุณร้อนผ่าว
- ห้ามเกา กด นวด หรือขยี้รอบดวงตาเด็ดขาด เพราะอาจทำให้ฟิลเลอร์เสียรูป และอักเสบได้
- งดทำทรีตเมนต์ หรือทาครีมรอบดวงตาอย่างน้อย 2 สัปดาห์
- งดอาหารดิบและอาหารหมักดอง เพราะอาจทำให้แผลอักเสบมากขึ้น
- งดอาหารรสจัดไปก่อน ไม่ว่าจะเป็นรสเผ็ดจัดจ้าน รสเค็ม และของหวาน เพราะอาจทำให้น้ำตาไหลไปโดนรอยเข็มที่ยังไม่สมานดี และทำให้แผลหายช้า
- ยังไม่ควรทำอาหารหน้าเตาร้อน ๆ ควรงดอย่างน้อย 2 สัปดาห์
ใครไม่ควรฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา?
อยากฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาอย่างปลอดภัย ต้องรู้ข้อจำกัดของฟิลเลอร์ และหมั่นสังเกตตัวเองให้ดีก่อนว่าร่างกายของคุณพร้อมแค่ไหน เพราะความสวยอาจเปลี่ยนเป็นความเสี่ยงได้ ถ้าคุณรู้เท่าไม่ถึงการณ์
- หญิงตั้งครรภ์ และผู้หญิงที่อยู่ในภาวะให้นมบุตร
- คนที่มีปัญหาเลือดออกง่าย เลือดหยุดไหลช้า ผิวฟกช้ำง่าย
- คนที่แพ้สารไฮยาลูรอนิค แอซิด
- คนที่เป็นโรคติดต่อบริเวณที่ฉีด เพราะจะเสี่ยงติดเชื้อมากกว่าคนทั่วไป
- คนที่มีถุงใต้ตาใหญ่มาก ๆ
- คนที่ใต้ตาหย่อนคล้อยมาก ผิวหนังบอบบาง เพราะอาจทำให้ฟิลเลอร์จับตัวเป็นก้อน และเห็นจากภายนอกชัดเจนกว่าคนทั่วไป จึงทำผลลัพธิ์ออกมาดูไม่เป็นธรรมชาติ
นอกจากนี้ คนที่ต้องรับประทานยาประจำตัว หรือมีโรคประจำตัว ควรบอกแพทย์ที่ฉีดฟิลเลอร์ให้รู้ก่อน จากนั้นแพทย์จะวางแผนการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาให้เหมาะสมกับแต่ละคน เพื่อให้ทุกคนสวยอย่างปลอดภัย
ทำความเข้าใจทุกขั้นตอนกับแพทย์ที่มีประสบการณ์
ช่วยลดความเสี่ยงในการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาได้ 99%
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาอันตรายไหม?
ทุกวันนี้มีคลินิกเสริมความงามมากมายที่ให้บริการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาทั้งของแท้และปลอมปะปนกันในท้องตลาด ซึ่งสังเกตได้ว่า คลินิกที่ใช้ฟิลเลอร์ปลอมมักเสนอค่าบริการที่ถูกกว่าคลินิกอื่น หรืออาจจัดโปรโมชันในราคาที่ไม่สมเหตุสมผล เพื่อดึงดูให้คนเข้ามาฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาปลอม
ยิ่งไปกว่านั้น ฟิลเลอร์ปลอมไม่สามารถฉีดสลาย หรือสลายไปเองตามธรรมชาติได้เลย แถมยังแข็งเป็นก้อน ฉีดแล้วดูไม่เป็นธรรมชาติ ฉะนั้น คุณควรเช็กยี่ห้อของฟิลเลอร์ใต้ตาให้แน่ใจว่าเป็นของแท้ก่อนฉีดทุกครั้ง ด้วยการขอดูใบรับรองหรืออ่านฉลากข้างขวด เพียงเท่านี้ก็ช่วยลดความเสี่ยงอันตรายจากฟิลเลอร์ใต้ตาปลอมได้แล้ว
EY Clinic คัดสรรฟิลเลอร์ชั้นนำระดับโลกที่ผ่าน อย. ประเทศไทย
เพื่อผิวรอบดวงตาที่เรียบเนียนขึ้น
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา vs ฉีดไขมันใต้ตา แบบไหนดีกว่า?
ไม่ว่าคุณจะฉีดฟิลเลอร์หรือไขมันใต้ตา ก็เป็นวิธีที่สามารถแก้ปัญหาใต้ตาลึก ใต้ตาดำคล้ำ และลดริ้วรอยรอบดวงตาให้เรียบเนียนได้อย่างเป็นธรรมชาติ แต่การดูดไขมันตัวเองมาใช้ในการฉีดใต้ตามีข้อจำกัดหลายอย่าง และไม่ใช้ทุกคนที่สามารถใช้ไขมันของตัวเองฉีดได้
การฉีดไขมันใต้ตาคืออะไร?

ก่อนฉีดไขมันใต้ตา แพทย์จะดูดไขมันจากส่วนที่มีไขมันสะสมอยู่มากในร่างกายออกมาปั่นคัดแยก เพื่อทำให้เหลือเพียงสเต็มเซลล์ปนกับไขมัน ที่จะใช้กับการฉีดใต้ตาแล้วเห็นผลได้เท่านั้น โดยทั่วไป แพทย์มักดูดไขมันส่วนเกินจากต้นขา ต้นแขน บั้นท้าย หรือหน้าท้องของคุณ ขึ้นอยู่กับว่าคุณมีไขมันส่วนเกินบริเวณไหนบ้าง ส่วนใครที่มีน้ำหนักน้อย หรือไม่มีไขมันส่วนเกินเลย แพทย์ก็จะแนะนำให้ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแทน
ข้อดีของฉีดไขมันใต้ตา
- ไม่ทำให้เกิดอาการแพ้ เพราะเป็นไขมันของตัวเอง จึงไม่อันตรายเมื่อฉีดเข้าร่างกาย
- เหมาะกับคนที่กลัวการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
- ใช้เวลาพักฟื้นน้อย เมื่อเทียบกับการผ่าตัดใต้ตา (1-2 สัปดาห์) แต่ใช้เวลาพักฟื้นนานกว่าการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาหลายวัน เพราะคนที่ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาบางคนไม่จำเป็นต้องพักฟื้นเลย
- อยู่ได้นานสุด 1 ปี ขึ้นอยู่กับคุณภาพของไขมัน บวกกับเทคนิคการฉีดไขมันใต้ตาของแพทย์
ข้อจัดกัด
- มีขั้นตอนที่ซับซ้อนกว่าการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เพราะแพทย์จะต้องคัดแยกไขมันที่มีคุณภาพมาใช้เท่านั้น
- ส่วนใหญ่จะต้องดูดไขมันซ้ำ ๆ หลายครั้ง เพราะไขมันที่ดูดครั้งแรกเป็นไขมันที่ไม่ได้มีคุณภาพดีทั้งหมด และเพื่อทำให้ริ้วรอยรอบดวงตาตื้นขึ้น และเห็นความเปลี่ยนแปลงชัดเจน ต่างจากการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาด้วยสารไฮยาลูรอนิค แอซิดที่ฉีดแล้วเห็นผลทันที
- อาจต้องฉีดไขมันใต้ตาเพิ่มบ่อย ๆ เพราะไขมันสลายเร็วกว่าฟิลเลอร์ที่เป็นสารเลียนแบบธรรมชาติ
ถ้ายังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาหรือไขมันใต้ตาดี
เข้ามาปรึกษาแพทย์ที่ EY Clinic ได้เลย
เตรียมตัวฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ต้องทำอะไรบ้าง?
การเตรียมตัวก่อนและการดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตานั้นสำคัญมาก หากไม่ทำตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด อาจมีผลกับการฉีดฟิลเลอร์ได้
ก่อนฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
- งดดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 24 ชั่วโมง เพราะจะทำให้เลือดแข็งตัวช้า
- งดอาหารเสริมและยาแก้ปวด กลุ่ม NSAIDs, แอสไพริน (aspirin), ไอบูโพรเฟน (Ibuprofen)
- งดทายาผลัดเซลล์ผิว
- แจ้งประวัติการใช้ยา หรือโรคประจำตัวก่อนฉีด
- งดอาหารรสเค็มอย่างน้อย 2-3 วัน เพราะจะทำให้เกิดอาการน้ำคั่งที่อาจทำให้หน้าบวมช้ำกว่าปกติได้
- คนที่มีโรคประจำตัว หรือตั้งครรภ์ต้องแจ้งให้แพทย์ทราบ
หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
- ประคบเย็นบริเวณที่ฉีดประมาณ 2-3 ชั่วโมง สามารถช่วยลดความเจ็บปวดและลดบวม
- งดออกกำลังกายหนัก ๆ และกิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออกมาก
- ไม่ควรอยู่ในสถานที่ที่มีอาการร้อน เช่น ซาวน่า
- งดทำเลเซอร์แบบร้อนบนใบหน้าผิวอย่างน้อย 1 วัน
- ไม่เอามือไปจับบริเวณรอบดวงตาอย่างน้อย 2 วัน
- งดดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 24 ชั่วโมง
- งดแต่งหน้าและครีมรอบดวงตาอย่างน้อย 24 ชั่วโมง
- ดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อทำให้ฟิลเลอร์อุ้มน้ำได้ดีและอยู่กับคุณได้นานขึ้น
- ทานยากลุ่มยาแก้ปวดพาราเซตามอล เพื่อลดอาการปวดหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
- งดสูบบุหรี่
- งดอาหารหมักดอง อาหารรสจัด ไม่ควรทานของหวาน
- ไม่ทำอาหารหน้าเตาร้อน เพราะจะความร้อนจะกระตุ้นให้ผิวหนังบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์อักเสบมากขึ้นได้
ฟิลเลอร์ใต้ตาราคาเท่าไร?
ราคาของฟิลเลอร์ใต้ตาขึ้นอยู่กับยี่ห้อและรุ่น ที่ EY Clinic เราใช้ฟิลเลอร์ยี่ห้อ Restylane, Juvederm และ Neuramis รุ่นที่มีความยืดหยุ่นปานกลาง เมื่อฉีดเข้าใต้ตาแล้วจะคงรูปสวย ดูเป็นธรรมชาติ ไม่เป็นก้อน เพราะฟิลเลอร์ของทั้งสามยี่ห้อนี้เป็นชนิดโมเลกุลเล็ก จึงเหมาะกับการฉีดใต้ตา
ฟิลเลอร์ใต้ตาแต่ละยี่ห้อมีคุณสมบัติเฉพาะตัวแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กัยเทคโนโลยีในการผลิตเนื้อฟิลเลอร์ มีความยืดหยุ่นไม่เท่ากัน อยู่ได้นานไม่เท่ากัน หรือบางรุ่นอาจมียาชาผสมอยู่ด้วย เพื่อเป็นจุดขายและเพื่อไม่ทำให้รู้สึกเจ็บขณะฉีด
ก่อนฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา แพทย์จะประเมินปริมาณฟิลเลอร์ ยี่ห้อ และรุ่นของฟิลเลอร์ที่เหมาะกับแต่ละเคสมากที่สุด เพื่อให้แน่ใจว่าจะสามารถแก้ปัญหาใต้ตาได้ทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นขอบตาดำ รอบตามีริ้วรอยเหี่ยวย่น ใต้ตาหย่อนคล้อย กระดูกใต้ตายุบ และปัญหารอบดวงตาอื่น ๆ
ฟิลเลอร์ใต้ตายี่ห้อ Restylane
ราคา
- Restylane Vital Light ฟิลเลอร์ราคา 12,799 บาท
จุดเด่น
- ผลิตจากสารไฮยารูลอนิก แอซิด จากประเทศสวีเดน จึงมีความปลอดภัยสูง ไม่ทำให้เกิดอาการแพ้ผิวหนัง
- ผ่านการรับรองจาก อย. ประเทศไทยและสวีเดน
- ผลิตด้วยเทคโนโลยี NASHA ที่ทำให้ฟิลเลอร์ยึดเกาะผิวได้นานขึ้น
ฟิลเลอร์ใต้ตายี่ห้อ Juvederm
ราคา
- Juvederm Vobella ราคา 12,799 บาท
จุดเด่น
- ผลิตจากประเทศสหรัฐอเมริกา
- ผลิตด้วยเทคโนโลยี Vycross
- มีส่วนผสมของยาชา (Lidocaine) ฉีดแล้วไม่รู้สึกเจ็บเวลาฉีดฟิลเลอร์
ฟิลเลอร์ใต้ตายี่ห้อ Neuramis
ราคา
- Neuramis Volume ราคา 6,999 บาท
- Neuramis Deep ราคา 5,999 บาท
จุดเด่น
- ผลิตจากสารไฮยารูลอนิก แอซิด จากประเทศเกาหลีใต้ มีความปลอดภัยสูง และกำลังเป็นที่นิยมมาก
- ราคาย่อมเยากว่าฟิลเลอร์ยี่ห้ออื่น
- บางรุ่นที่เราใช้มีส่วนผสมของยาชา (Lidocaine) จึงไม่ทำให้รู้สึกเจ็บขณะฉีด
- ใช้สำหรับการฉีดผิวหนังชั้นลึก เพราะตัวยาค่อนข้างแข็งกว่าฟิลเลอร์ยี่ห้ออื่น ๆ
ต้องใช้ฟิลเลอร์ใต้ตากี่ CC ถึงจะเห็นผล?
ใช้ฟิลเลอร์ประมาณ 2-4 CC จะทำให้เห็นความเปลี่ยนแปลงชัดเจน ขึ้นอยู่กับแผนการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาที่แพทย์วางแผนไว้อย่างเหมาะสม เพราะแต่ละคนมีปัญหาใต้ตาไม่เหมือนกันนั่นเอง เพื่อให้คุณสวยอย่างเป็นธรรมชาติมากที่สุด
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตายี่ห้อไหนและที่ไหนดี?
ฟิลเลอร์ใต้ตาที่ดีจะต้องเป็นฟิลเลอร์แท้ที่ผ่านการรับรองจาก อย. ประเทศไทยเท่านั้น แม้จะเป็นฟิลเลอร์แท้ที่ได้รับการรับรองจาก อย. ต่างประเทศ แต่ไม่ได้นำเข้าอย่างถูกกฎหมาย ก็ไม่สามารถการันตีได้ว่าจะเป็นของแท้จริง อาจมีปัญหาเรื่องของการจัดเก็บและจัดส่งยา และอาจส่งผลข้างเคียงรุนแรงได้
วิธีเลือกยี่ห้อฟิลเลอร์ใต้ตา
- เลือกฟิลเลอร์ที่ผ่านการรับรองจาก อย. ของประเทศไทย เพื่อลดความเสี่ยงต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้น
- ราคาของฟิลเลอร์จะต้องเป็นราคาตลาด ไม่ควรถูกเกินไป เพราะอาจจะเป็นฟิลเลอร์ปลอมที่ไม่ผ่านการรับรองจาก อย.
- เช็กฉลาก ใบรับรอง และกล่องบรรจุภัณฑ์ว่าเป็นฟิลเลอร์แท้ทุกครั้ง ก่อนฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
- ต้องเป็นฟิลเลอร์ยี่ชนิดที่สามารถสลายได้เท่านั้น เพื่อทำให้การแก้ปัญหาหลังฉีดฟิลเลอร์ง่ายขึ้น
จุดเด่นของฟิลเลอร์ใต้ตายี่ห้อ Restylane
- NASHA เป็นเทคโนโลยีการผลิตที่ไม่ใช้ส่วนผสมจากสัตว์ เป็นฟิลเลอร์ที่อยู่ได้นาน ยึดเกาะกับผิวหนังได้ดีมาก แถมยังขึ้นได้ง่าย ทำให้ใต้ตาของคุณสวยสดใส
- OBT เป็นเทคโนโลยีใหม่ที่ผลิตหลัง NASHA มีความยืดหยุ่นสูงมาก เหมาะกับการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เพราะจะทำให้ผลลัพธิ์ดูเป็นธรรมชาติ ไม่หนักหน้า ไม่ระคายเคืองผิว หลังฉีดแล้วสามารถกระพริบตาได้ปกติ
จุดเด่นของฟิลเลอร์ใต้ตายี่ห้อ Juvederm
- Hylacross เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยกักเก็บน้ำและคงความชุ่มชื้นในร่างกายได้เยอะ ทำให้ผิวรอบดวงตาดูอ่อนเยา เปร่งประกายสดใส ฉีดแล้วเหมือนได้นอนหลับพักผ่อนเต็มอิ่ม 8 ชม.
- Vycross เป็นเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดที่ถูกพัฒนาให้เนื้อฟิลเลอร์ยึดเกาะผิวได้ดีมาก แต่ไม่ทำให้ผิวช่ำวาว และยืดหยุ่นน้อยกว่าฟิลเลอร์รุ่นอื่น แต่ฉีดแล้วผิวรอบดวงตาจะเรียบเนียน ฟิลเลอร์ไม่จับตัวเป็นก้อน จึงทำให้ดวงตาสวยแบบธรรมชาติ และสลายช้ากว่าฟิลเลอร์ทั่วไป
อยากฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา แต่ไม่รู้ว่าจะฉีดยี่ห้อไหนดี
เข้ามาปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่ EY Clinic เพิ่มเติมได้เลย
รีวิวฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาที่ EY Clinic






สยบทุกปัญหารอบดวงตาอย่างปลอดภัย ด้วยฟิลเลอร์ใต้ตาแท้EY Clinic คัดเลือกฟิลเลอร์ใต้ตาที่ผ่านการรับรองจาก อย. ประเทศไทยแล้วเท่านั้น เราใช้ฟิลเลอร์ใต้ตายี่ห้อ Restylane, Juvederm และ Neuramis ผลิตภัณฑ์จากประเทศสหรัฐอเมริกา สวีเดน และเกาหลีใต้ที่คลินิกเสริมความงามทั่วโลกนิยมใช้ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า นัดหมายฉีดฟิลเลอร์ใต้ตากับเรา โทร 061 594 1923, LINE Official: @EyclinicTH