เลเซอร์หน้าใส
- ช่วยควบคุมการผลิตน้ำมันส่วนเกินในผิว
- กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนซึ่งช่วยเรื่องของแผลเป็นจากสิว
- เน้นให้มุ่งเน้นสิ่งที่เกิดปัญหาขึ้นลึกในผิวหนังที่การรักษาด้วยยาทาผิวหรือวิธีทางอื่นๆไม่สามารถเข้าถึงได้
- ผลการรักษาคงอยู่นาน และใช้เวลาฟื้นตัวน้อย
- เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ไม่เห็นผลจากการรักษาสิวแบบเดิมๆ
yag reju
ครั้งละ
ADVA clear ทั่วหน้า
ครั้งละ
เลเซอร์หน้าใสดียังไง ทำไมที่คนรักความสวยความงามสมัยนี้นิยมกันมาก?
เดี๋ยวนี้เลเซอร์หน้าใสได้รับความนิยมมากในกลุ่มสาว ๆ หรือแม้แต่คุณผู้ชายที่ใส่ใจดูแลใบหน้าให้สว่างดูมีออร่า เพราะทำแล้วเห็นผลลัพธ์หน้ากระจ่างใสได้ไวทันใจ รวมถึงหนุ่ม ๆ หลายคนที่หันมาดูแลผิวหน้าของตัวเองกันมากขึ้น ซึ่งหลายคนที่อยากเลเซอร์หน้าใสก็คงสงสัยว่าข้อดีนอกจากทำแล้วหน้าดูหมองคล้ำน้อยลงและมีผิวขาวขึ้น ยังมีอะไรอีกไหมที่ควรรู้ หรือสามารถช่วยแก้ไขปัญหาผิวหน้าในด้านไหนได้อีกบ้าง เพื่อไม่เสียเวลาเรามาทำความเข้าใจไปพร้อมกันเลย
เลเซอร์หน้าใสคืออะไร?
การทำเลเซอร์หน้าใสนั้นก็คือการยิงเลเซอร์เพื่อช่วยให้ผิวกระจ่างใสขึ้นโดยเลเซอร์จะเข้าไปทำให้เม็ดสีเมลานินอันเป็นต้นเหตุความหมองคล้ำของผิวหน้าให้ลดน้อยลง และไม่ทำลายผิวชั้นบน ไม่มีการไหม้ หรือ burn ของชั้นผิวหนัง
สำหรับเลเซอร์หน้าใสที่ได้รับความนิยมในปัจจุบันก็คงเป็น Long pulse NdYAG ที่มีคุณสมบัติเด่นมากมาย อาทิ ช่วยให้ใบหน้ากลับมาขาวใสขึ้น ลดรอยแดงและรอยดำบริเวณผิวหน้า ช่วยลดการทำงานของต่อมไขมันทำให้หน้ามันลดลง
EY Clinic เราเลือกใช้ ADVA Clear ทำเลเซอร์หน้าใส
เพื่อให้คุณมีผิวที่สว่างกระจ่างใสและเนียนนุ่มขึ้น
ทำเลเซอร์หน้าใสดียังไง ช่วยอะไรบ้าง?
ข้อดีที่ทำเอาสาว ๆ หลายคนติดอกติดใจหันมาทำเลเซอร์หน้าใสกันอย่างต่อเนื่อง ก็เพราะความสามารถในการช่วยลดรอยดำรอยแดง ความความมันบนใบหน้า ไม่เพียงเท่านี้ยังช่วยลดริ้วรอยตื้น ๆ บนใบหน้าให้ดูจางลง ส่วนผิวหน้าก็ยังเรียบเนียนขึ้นเนื่องจากมีขนาดรูขุมขนเล็กลง และสำคัญที่สุดเลยก็คือเลเซอร์หน้าใสช่วยเปลี่ยนผิวที่หมองคล้ำไม่สม่ำเสมอ ให้กลับมามีผิวหน้าที่ขาวใสอย่างเป็นธรรมชาติทั่วทั้งใบหน้า
นอกจากนี้ การทำเลเซอร์หน้าใสยังเหมาะกับทุกคนที่ใจร้อนอยากมีผิวสวยสุขภาพดีในเวลาอันรวดเร็ว เพราะเมื่อเลเซอร์หน้าใสแล้วจะเห็นผลเต็มที่ที่ 1-2 สัปดาห์ต่างกับการรอให้ร่างกายผลัดเซลล์ผิวตามธรรมชาติที่มักใช้เวลาราว 4-6 สัปดาห์
การทำเลเซอร์หน้าใสมีแบบไหนบ้าง?
ก่อนที่จะตัดสินใจไปทำเลเซอร์หน้าใสกับคลินิกเสริมความงามที่ไหนก็ตาม เราอยากให้คุณมาลองศึกษาว่าปัจจุบันมีการทำเลเซอร์หน้าใสแบบไหน ใช้เทคโนโลยีอะไร และมีข้อดีหรือข้อเสียอย่างไรบ้างก่อนจะดีที่สุด เพื่อไม่ให้เสียเวลาเรามาทำความเข้าใจการทำเลเซอร์หน้าใสทั้ง 6 แบบ พร้อมกันเลยดีกว่า
1. เลเซอร์หน้าใสแบบ ADVA Clear Laser
ADVA Clear หรือ ADVATx จากประเทศเดนมาร์กคือเครื่องเลเซอร์ที่มีสองความยาวคลื่น คือ 589nm และ 1319 nm มีคุณสมบัติในการลดรอยแดง รอยดำ ช่วยให้ผิวหน้ากระจ่างใส ลดเส้นเลือดฝอยขนาดเล็ก ขณะทำเลเซอร์จะมีความรู้สึกอุ่นบริเวณผิวหน้า แต่ไม่เจ็บ ไม่ทำให้เกิดแผลหรือสะเก็ด ปลอดภัยต่อทุกสภาพผิว และไม่ทำให้ผิวบาง จุดเด่นของเครื่อง ADVA clear คือการมีสองความยาวคลื่นแสง ซึ่งจะได้ผลดีทั้งรอยแดง และรอยดำ เรียกได้ว่าครอบคลุมทุกปัญหาที่ให้ผิวหน้าไม่สดใส
2. เลเซอร์หน้าใสแบบ Long Pulse ND YAG
Long Pulse ND YAG ยี่ห้อ Coolglide จากประเทศสหรัฐอเมริกา คือเครื่องยิงแสงเลเซอร์ความเข้มข้นสูงที่มีคลื่นความยาวแสง 1,064 นาโนเมตร พร้อมคุณสมบัติพิเศษ Contact Cooling Device ที่หัวเลเซอร์มีความเย็นขณะยิงเลเซอร์เพื่อทำให้ผู้ทำเลเซอร์หน้าใสรู้สึกเย็นสบายไม่แสบร้อนผิว ใช้ได้กับผิวทุกสภาพและทุกสีผิว สามารถกำจัดขนใบหน้าให้หายไปและช่วยให้คุณมีผิวเรียบเนียนกว่าเดิมมาก และยังใช้ในบริเวณอื่นนอกจากใบหน้าได้ด้วย ไม่ว่าจะเป็น ผิวใต้วงแขน หรือแม้แต่ขนในจุดซ่อนเร้น
2. เลเซอร์หน้าใสแบบ Fractional Co2 Laser
Fractional Co2 Laser เป็นเครื่องที่มีการยิงลำแสงออกมาเป็นจุดขนาดเล็กหลาย ๆ จุดเรียงกันเป็นตาราง ให้ความแม่นยำสูง โดดเด่นมากในเรื่องการลอกเซลล์ผิวเก่าที่ตายแล้วให้หลุดออกมาได้ดี แถมยังเหมาะกับแก้ไขปัญหาหลุมสิวบนใบหน้า เพราะช่วยกระชับรูขุมขนให้เล็กลง
ทว่าจะมีข้อเสียที่หลังจากทำเลเซอร์แล้วผิวอาจตกสะเก็ดหรือมีรอยไหม้แดงได้ และใครรู้ตัวว่าต้องออกกลางแจ้งบ่อยก็ให้เลี่ยงการทำเลเซอร์ชนิดนี้ เพราะผิวอาจไหม้จากแสงยูวีที่มีความเข้มข้นสูงของแสงแดดบ้านเรา
3. เลเซอร์หน้าใสแบบ E-Matrix Laser
E-Matrix Laser เป็นเครื่องที่ปล่อยคลื่นวิทยุความถี่สูง (RF) ที่จะทำให้เกิดแผลบนใบหน้าเพื่อกระตุ้นผิวหนังให้เริ่มสร้างคอลลาเจนและเซลล์ผิวหนังขึ้นมาใหม่ ซึ่งเลเซอร์ชนิดนี้นิยมทำเพื่อทำให้หลุมสิวตื้นขึ้นและมีความใกล้เคียงกับผิวหน้าส่วนอื่นที่ปกติ
อย่างไรก็ตาม การทำหน้าใสด้วยวิธีนี้จะทำให้เกิดผลข้างเคียงอย่างผิวหน้ามีอาการลอกและตกสะเก็ดค่อนข้างมาก เพราะว่ากระบวนการทำงานของเครื่องตัวนี้ที่ไปทำให้เกิดแผลบนใบหน้านั่นเอง ไม่เพียงเท่านี้ยังต้องทำมากกว่า 3-4 ครั้งอย่างต่อเนื่องเพื่อผลลัพธ์ในการทำให้หลุมสิวตื้นขึ้น
4. เลเซอร์หน้าใสแบบ IPL Laser
IPL laser หรือย่อมาจาก intense pulse light เป็นเครื่องที่ยิงลำแสงคลื่นกว้างขนาด 500-1,200 นาโนเมตร มาพร้อมจุดเด่นตรงที่ช่วยลดเม็ดสีเมลานินในชั้นผิวหนัง ควบคู่กับการกำจัดขนได้พร้อมกัน อีกทั้งยังเป็นเลเซอร์หน้าใสที่ค่อนข้างอ่อนโยนต่อผิว เพราะลำแสงที่ยิงออกไปนั้นจะไม่ลงลึกถึงชั้นผิวที่อยู่ลึกสุด ทำให้เห็นผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงหลังทำเลเซอร์หน้าใสแล้วน้อยกว่า ถึงอย่างนั้นก็ยังได้รับความนิยม เนื่องจากค่าทำไม่แพง สามารถยิงเลเซอร์ได้หลายครั้ง และเครื่องชนิดนี้ยังมีแบบที่พกพาเพื่อใช้ทำเองที่บ้านได้อีกด้วย
ข้อจำกัดของเลเซอร์ IPL ก็คือคุณต้องทำบ่อยครั้งกว่าปกติ เรียกว่าทำทุก 2-3 สัปดาห์ เป็นเวลาต่อเนื่องอย่างน้อย 6-7 ครั้งเลยทีเดียว จึงจะเห็นผลลัพธ์ที่ช่วยเปลี่ยนใบหน้าที่เคยหมองคล้ำให้กลับมาขาวใสขึ้น
5. เลเซอร์หน้าใสแบบ Dual Yellow Laser
Dual Yellow Laser เป็นเครื่องที่ยิงลำแสงถึงผสมกันระหว่างแสงสีเหลืองกับสีเขียว ที่มีคุณสมบัติในการลบเลือนรอยดำรอยแดงจากสิว หรือรอยแดงจากเส้นเลือดขอดได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังยิงเพื่อปรับสภาพผิวให้กลับมาขาวเนียนแลดูกระจ่างใสทั่วทั้งใบหน้า นั่นก็เพราะว่ามีจุดเด่นตรงที่เป็นเลเซอร์ซึ่งค่อนข้างมีความอ่อนโยนต่อผิวหน้า เนื่องจากใช้งานแบบยิงเฉพาะจุด จึงไม่ไปทำลายชั้นผิวหนัง คุณจึงสามารถแต่งหน้าไปทำธุระได้ตามปกติหลังจากที่เพิ่งทำเลเซอร์หน้าใสชนิดนี้ได้ทันที
แต่สำหรับใครที่มีปัญหาผิวหน้าเต็มไปด้วยรอยฝ้า กระ หรือจุดด่างดำที่อยู่ลึกลงไปในชั้นผิว การใช้ dual yellow laser อาจต้องทำหลายครั้งเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ออกมาดีตามที่คุณต้องการ
แก้ปัญหาผิวหน้าหมองคล้ำอย่างตรงจุด พร้อมวางแผนการรักษาอย่างถูกต้อง
และปลอดภัย โดยแพทย์จาก EY Clinic
เลเซอร์หน้าใสต้องทำบ่อยแค่ไหน กี่ครั้งเห็นผล?
“จะเป็นอะไรไหมถ้าฉันต้องการทำเลเซอร์หน้าใสบ่อย?” นี่คงเป็นคำถามที่อยู่ในความคิดของใครหลายคนที่อยากจะมีใบหน้าขาวใสและเรียบเนียนไว ๆ แต่ก็แอบกลัวว่าถ้าทำบ่อยแล้วจะส่งเสียทำให้ผิวหน้าบาง เมื่อโดนแสงแดดก็จะเกิดอาการผิวไหม้หรือดำได้ง่าย แต่ความจริงแล้วการทำเลเซอร์หน้าใสบ่อยไม่ได้ทำให้ผิวหน้าของคุณแย่อย่างที่วิตกกังวล เพราะเครื่องเลเซอร์มีหลายแบบ แต่ละแบบสามารถปรับการฉายแสงเลเซอร์ให้มีระดับความแรงที่เหมาะสมกับปัญหาของผู้ที่มาทำเลเซอร์หน้าใสแต่ละคนได้
สำหรับความถี่ในการเลเซอร์หน้าใสนั้นควรทำทุก 2-4 สัปดาห์ และเมื่อทำเลเซอร์หน้าใสเสร็จเรียบร้อยเพียง 1 ครั้ง ใบหน้าของคุณจากที่เคยหมองคล้ำก็จะกลับมาขาวใส เรียบเนียน และมีรูขุมขนกระชับขึ้น หากถามว่าควรทำบ่อยแค่ไหน เราแนะนำให้ทำอย่างต่อเนื่องสัก 3-5 ครั้งเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
ข้อดีและข้อเสียระวังของการทำเลเซอร์หน้าใส
6 ข้อดีของการทำเลเซอร์หน้าใส
- เปลี่ยนผิวที่เคยคล้ำเสียด้วยการแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุด
- ปรับสภาพผิวให้ดูขาวอย่างสม่ำเสมอทั่วทั้งใบหน้า
- ได้ผลลัพธ์ที่ดีและรวดเร็วกว่าการทาครีมบำรุงหรือเซรัมทั่วไป
- แก้ปัญหารอยดำรอยแดงที่เกิดขึ้นจากสิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ทำให้โครงสร้างผิวหนังแข็งแรงและมีการสร้างคอลลาเจนใหม่มากขึ้น
- เครื่องเลเซอร์หน้าใสบางรุ่นมีประสิทธิภาพสูงและไม่ทำให้ผิวลอกหรือตกสะเก็ดหลังทำ
3 ข้อเสียของการทำเลเซอร์หน้าใส
- ระหว่างทำเลเซอร์หน้าใสคุณอาจรู้สึกร้อนหรือแสบบริเวณที่กำลังยิงเลเซอร์
- ต้องเลือกคลินิกให้ดี ๆ เพราะแพทย์ผู้เชี่ยวชาญตัวจริงเท่านั้นที่สามารถเลือกระดับการใช้เลเซอร์ได้เหมาะสมกับปัญหาผิวที่คุณกำลังเผชิญอยู่
- ต้องทำอย่างต่อเนื่องเพื่อให้เห็นผลได้ดีและรวดเร็วที่สุด
6 เรื่องที่คุณต้องเตรียมตัวก่อนทำเลเซอร์หน้าใส
- หลีกเลี่ยงการเกาหรืออะไรก็ตามที่ทำให้ผิวเป็นแผล
- ไม่ควรออกไปข้างนอกที่มีแสงแดดจัดเป็นเวลาประมาณ 4-6 เดือนก่อนการทำเลเซอร์หน้าใส เพราะผิวหน้าจะกลับมาขาวกระจ่างใสได้น้อยลงและใช้จำนวนครั้งในการทำมากกว่าปกติ
- ช่วงใกล้ถึงวันทำเลเซอร์หน้าใสให้งดการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหรือเวชสำอางในกลุ่มกรดวิตามินเอ เช่น Retin-A, tretinoin รวมถึงกรด AHA ทุกชนิด
- กรณีมีแผลบนใบหน้าให้ทำการรักษาแผลดังกล่าวจนหายดีและแห้งสนิทก่อน เพื่อลดโอกาสติดเชื้อหรือความรู้สึกเจ็บระหว่างการทำเลเซอร์หน้าใส
- ทาครีมบำรุงผิวที่เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับใบหน้า เนื่องจากผิวที่แห้งอาจทำให้รู้สึกระคายเคืองมากกว่าเมื่อทำเลเซอร์หน้าใส
วิธีดูแลตัวเองหลังทำเลเซอร์หน้าใส
เพื่อให้การทำเลเซอร์หน้าใสได้ผลลัพธ์ที่ดี รวดเร็ว และคุ้มค่ากับเงินที่คุณจ่ายไปมากที่สุด เรามีเคล็ดลับการดูแลตนเองที่ช่วยให้คุณมีใบหน้าขาวใสและเรียบเนียนได้ตามที่ปรารถนา
- หากทำเลเซอร์ที่ก่อให้เกิดแผลขนาดเล็กบนผิวหน้า แพทย์จะบอกให้คุณระวังว่าอย่าให้แผลโดนน้ำเป็นเวลา 1 วัน
- หลังทำเลเซอร์หน้าใสแล้วก็ไม่ควรออกไปกลางแจ้งให้แสงแดดจัด ๆ เป็นเวลา 1-2 สัปดาห์ แต่ถ้าเลี่ยงไม่ได้ก็ให้สวมหมวก ใส่เสื้อผ้าแขนขายาวที่มีคุณสมบัติในการป้องกันยูวี
- ทาครีมกันแดดให้ติดเป็นนิสัยไม่ว่าจะอยู่บ้านหรือออกไปไหนก็ตาม โดยควรเลือกค่า SPF 50+ เพื่อช่วยปกป้องผิวของคุณจากแสงแดด รวมถึงแสงสีฟ้าที่มาจากจอคอมหรือมือถือได้อีกด้วย
- อย่ากด แคะ หรือบีบสิวบนใบหน้า นี่คือพฤติกรรมอันเป็นต้นเหตุของการเกิดรอยดำรอยแดงรวมถึงหลุมสิวลึก และยังต้องใช้เวลาจัดการเจ้ารอยหรือหลุมเหล่านี้สักระยะเวลาหนึ่งอีกต่างหาก
- ดื่มน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย ประมาณ 6-8 แก้วต่อวัน เมื่อร่างกายและผิวอุดมไปด้วยความชุ่มชื้นก็จะช่วยทำให้ผิวไม่แห้งและลดโอกาสที่ผิวจะกลับมาหมองคล้ำอีกได้เป็นอย่างดี
- เสริมสุขภาพผิวให้ดีขึ้นจากภายใน ด้วยการรับประทานผักผลไม้ที่มากไปด้วยวิตามินที่เป็นประโยชน์ต่อผิว เช่น ส้ม, สตรอว์เบอร์รี, แอปเปิล, กีวี องุ่น และมะเขือเทศ ที่มีวิตามินซีจำนวนมาก
เราใส่ใจทุกรายละเอียด พร้อมมอบคำแนะนำก่อนและหลังทำเลเซอร์หน้าใส
เพื่อทำให้ผลลัพธ์น่าประทับใจนี้อยู่กับคุณได้นานที่สุด
ทำไมต้องทำเลเซอร์หน้าใสกับ EY Clinic?
เพราะปัญหาผิวคล้ำเสีย ไม่เรียบเนียน มีจุดด่างดำและผิวขาดความชุ่มชื้น นี่คือปัญหาใหญ่ที่เล่นเอาใครหลายคนเสียความรู้สึก EY Clinic ทราบดีถึงปัญหาที่ค้างคาอยู่ในใจคุณ เราจึงคัดสรรเครื่องทำเลเซอร์หน้าใสที่ดีและมีประสิทธิภาพในการจัดการกับปัญหาผิวต่าง ๆ ที่ได้กล่าวมาทั้งหมด ซึ่งก็คือเครื่อง ADVA Clear และ เครื่อง Coolglide ซึ่งใช้เทคโนโลยี Long pulse NdYAG
ไม่ใช่แค่เครื่องทำเลเซอร์หน้าใสระดับท็อปของโลกเท่านั้นที่เราเลือกใช้ แต่บุคลากรทุกคนของ EY Clinic ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ผู้ให้คำแนะนำคุณตั้งแต่เข้ามาหาเรา แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง และเจ้าหน้าที่การแพทย์ของเราทุกคน เต็มใจที่จะให้คำปรึกษาอย่างตรงไปตรงมา ไม่มีการเสนอขายคอร์สที่โอเวอร์เกินกว่าปัญหาผิวหน้าที่คุณมี
สำหรับค่าบริการทำเลเซอร์หน้าใส ADVA Clear ที่ EY Clinic ซึ่งช่วยลดรอยแดงและรอยดำจากสิว ปรับผิวให้กระจ่างใสและเรียบเนียนจะมีราคาดังนี้
- 3,299 บาท สำหรับ 1 ครั้ง
- 16,495 บาท สำหรับ 6 ครั้ง ตกครั้งละ 2,749 บาท
- 32,990 บาท สำหรับ 13 ครั้ง ตกครั้งละ 2,538 บาท
สำหรับค่าบริการทำเลเซอร์หน้าใส Yag Reju ที่ EY Clinic ซึ่งช่วยกระชับรูขุมขน สามารถเปลี่ยนใบหน้าที่หมองคล้ำให้กลับมาสว่างใสขึ้น พร้อมกระตุ้นคอลลาเจนให้มีมากขึ้นในผิว และช่วยขนาดลดรูขุมขนให้เล็กลงจนผิวมีความเรียบเนียนจนคุณสัมผัสได้ จะมีราคาดังนี้
- 2,499 บาท สำหรับ 1 ครั้ง
- 12,495 บาท สำหรับ 6 ครั้ง ตกครั้งละ 2,083 บาท
- 24,990 บาท สำหรับ 13 ครั้ง ตกครั้งละ 1,922 บาท
เปรียบเทียบเลเซอร์หน้าใส ADVA Clear และ Yag
YAG ADVA
เจ็บน้อย ไม่เป็นแผล *** ***
รักษารอยแดงหรือรอยเส้นเลือด ** ***
รักษาแผลเป็นสีแดงหรือปานแดง * ***
รักษารอยดำ *** ***
กระตุ้นคอลลาเจน *** **
กระชับรูขุมขน *** **
ผิวหน้ากระจ่างใส *** ***
นอกจากนี้ คุณยังสามารถดูรีวิวจากผู้ที่เคยมาทำเลเซอร์หน้าใสกับเราไปแล้ว ดูว่าแต่ละคนพอใจในการแก้ไขปัญหาผิวหน้าหมองคล้ำ มีจุดด่างดำ หรือผิวไม่เรียบเนียน ให้ทุกอย่างกลับมาดีจนคนใกล้ตัวพวกเขาทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “หน้าใสแถมดูสุขภาพดีขึ้นมากเลยนะ ไปทำอะไรมา?” ได้ที่นี่อีกด้วย
รูปการทำเลเซอร์หน้าใส ADVA Clear
EY Clinic เราทำเลเซอร์หน้าใสด้วยความใส่ใจเพื่อให้คุณมีใบหน้าสว่างและสุขภาพดีที่สุด
จบทุกปัญหาผิวหน้าคล้ำเสีย มีจุดด่างดำ หรือผิวไม่เรียบเนียน ด้วยการทำเลเซอร์หน้าใสโดยแพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนังและเวลล์เนสที่มีประสบการณ์รวมกว่า 30 ปีจากสถาบันชั้นนำของประเทศ พร้อมด้วยเครื่องเลเซอร์หน้าใสที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง ช่วยให้ผิวหน้าของคุณกลับมาขาวกระจ่างใสและมีสุขภาพดีได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ รวมถึงยังปราศจากผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายอีกด้วย หากคุณอยากทำเลเซอร์หน้าใสได้อย่างมั่นใจและคุ้มค่าเงินที่สุด โทรมาที่ 061 594 1923 หรือ LINE Official: @EyclinicTH