โปรแกรมรักษาหลุมสิว
- เติมเต็มหลุมสิวตื้นขึ้น บอกลาปัญหาหน้าขรุขระ
- ฟื้นฟูผิวให้แข็งแรง
- ช่วยให้รอยแผลเป็น รอยดำ รอยแดงดูจางลง
- ปรับสีผิวให้เสมอกัน
- ผลัดเซลล์ผิวใหม่ เพิ่มความกระจ่างใส
โปรแกรมรักษาหลุมสิว SmoothSure
Size S
โปรแกรมรักษาหลุมสิว SmoothSure
Size M
โปรแกรมรักษาหลุมสิว SmoothSure
Size L
ปัญหาสิวก็มักจะตามมาด้วยปัญหา ”หลุมสิว” ที่รักษาได้ยาก ผิวหน้าที่ไม่เรียบเนียน เป็นหลุมขรุขระสามารถทำให้เรารู้สึกไม่มั่นใจได้ ในบทความนี้ หมอผึ้งจะพาไปรู้จักกับ หลุมสิวประเภทต่าง ๆ สาเหตุของการเปิดแผลเป็นลักษณะหลุม และวิธีรักษาหลุมสิวที่สามารถช่วยกู้ผิวหน้าและความมั่นใจของเรากลับมา
หลุมสิว คืออะไร
หลุมสิว (Atrophic acne scar) คือแผลเป็นจากสิวอักเสบที่พบได้บ่อยที่สุด นอกจากหลุมสิว แล้วก็มีแผลเป็นแบบจุดด่างดำ (Hyperpigmentation) และแผลเป็นแบบนูน (Hypertrophic acne scar) หรือ คีลอยด์ (Keloids) ที่สามารถเกิดขึ้นบนผิวหน้าเราได้
หลุมสิว เกิดจากอะไร
ปัญหาสิว (Acne vulgaris) เกิดจากการอักเสบหรือติดเชื้อของรูขุมขน เมื่อเกิดการอักเสบแล้วร่างกายก็จะเข้าสู่กระบวนการซ่อมแซมสมานแผล ซึ่งหลุมสิวเกิดจากการที่เซลล์ผิวไม่สามารถผลิตคอลลาเจนและเนื้อเยื่อมาทดแทนส่วนที่ถูกทำลายไปได้ทำให้ทิ้งร่องรอยของหลุมและผิวไม่เรียบเนียน
ประเภทของหลุมสิว
หลุมสิวแบบจิก หรือ Ice pick เป็นประเภทที่พบมากที่สุด (60-70% ของแผลเป็นจากสิว) และรักษายากที่สุด มีความลึกประมาณ 2 มิลลิเมตร ลักษณะจะเป็นแผลปากแคบ หลุมลึกและแหลม
หลุมสิวแอ่งกระทะ หรือ Rolling scar มีลักษณะเป็นแอ่งตื้น ไม่มีขอบที่ชัดเจน มักเกิดที่บริเวณแก้ม และสามารถกินพื้นที่ได้ถึง 5 มิลลิเมตร หลุมสิวประเภทพบได้ไม่บ่อยเมื่อเทียบกับอีกสองประเภทแต่เป็นประเภทที่รักษาได้ง่ายที่สุด
หลุมสิวแบบกล่อง หรือ Boxcar มีลักษณะเป็นกล่องหรือบ่อกว้างที่มีขอบชัดเจน ความกว้างอยู่ที่ 1.5 - 4 มิลลิเมตร ซึ่งนอกจากสิวแล้ว แผลจากตุ่มโรคอีสุกอีใสก็มักทำให้เกิดเป็นแผลแบบ Boxcar ได้
สิวที่ทำให้เกิดหลุมสิว
หลุมสิวมักจะเกิดกับคนที่มีปัญหาสิวอักเสบ ซึ่งแบ่งออกเป็นได้ตามลักษณะดังนี้
- สิวตุ่มแดง (Papule) - ตุ่มนูนแดงแข็ง ๆ สัมผัสแล้วรู้สึกเจ็บ
- สิวหัวหนอง (Pustule) - ตุ่มนูนแดง มีหัวหนองสีขาว
- สิวหัวช้าง (Nodule) - ตุ่มแดงขนาดใหญ่ แข็งเป็นไต ภายในเป็นหนองและเลือด ซึ่งอาจมีหัวเปิดเป็นหนอง (Cystic acne) อักเสบรุนแรง และรักษาให้หายได้ยาก
สิวเหล่านี้เป็นอะไรที่เจ็บ น่ารำคาญ จนหลาย ๆ ครั้งเราก็อดไม่ได้ที่จะบีบ แกะ หรือกดสิวเอง หรือบางคนอาจก็ปล่อยให้สิวหายเองโดยไม่แต้มยา แต่วิธีเหล่านี้คือการรักษาสิวที่ไม่ถูกต้องซึ่งเป็นสาเหตุที่นำไปสู่การเกิดหลุมสิว
เมื่อเป็นสิว จะป้องกันการเกิดหลุมสิวได้อย่างไร
การป้องกันการเกิดหลุมสิวที่ดีที่สุด คือ ต้องรักษาสิวอย่างถูกวิธีโดย;
- ไม่บีบหรือกดสิว (ยกเว้นจะเป็นการกดสิวที่ทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น)
- ใช้ยาทาที่มีส่วนผสมของ benzyl peroxide, retinoids หรือยาปฏิชีวนะแต้มสิว
- ไม่แกะสิวเมื่อสิวแห้ง เนื่องจากจะเป็นการสร้างแผลใหม่และรบกวนการสมานแผล
- บำรุงด้วยมอยเจอไรเซอร์เพื่อเป็นการช่วยให้ผิวซ่อมแซมได้อย่างเต็มที่
หากใครที่มีปัญหาสิวที่รักษาไม่หายจนหมดความมั่นใจ สามารถเข้ามาปรึกษาที่ EY Clinic ได้เสมอ
วิธีรักษาหลุมสิว: ฟิลเลอร์ เลเซอร์ กรดผลไม้ ตัดพังผืด เรตินอยด์ และ Sculptra
ประเภทของหลุมสิว รวมไปถึงความลึก และอายุของแผลเป็นย่อมมีผลต่อความยาก-ง่ายในการรักษา และทรีตเมนต์แต่ละตัวย่อมมีประสิทธิภาพในการรักษาต่างกันขึ้นอยู่กันประเภทหลุมสิว เราสามารถเลือกทำทรีตเมนต์ 1-2 ตัวร่วมกันได้ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในแบบที่ต้องการ
รักษาหลุมสิวด้วยเลเซอร์ Fractional CO2
เลเซอร์ Fractional CO2 เป็นตัวที่ EY Clinic และวงการความงามไว้ใจเลือกใช้ในการรักษาหลุมสิว โดยที่คลินิกของเราจะใช้รุ่น “SmoothX” ซึ่งปล่อยแสงเลเซอร์ที่ความยาวคลื่น 10,600 นาโนเมตร และใช้ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็นตัวกลางในการแทรกตัวเข้าสู่เซลล์ผิว
วิธีการทำงานของ Smooth X คือ ความร้อนของเลเซอร์จะเข้าไปทำให้น้ำในเนื้อเยื่อร้อนขึ้น ร่างกายของเราก็จะตอบสนองด้วยการเร่งเซลล์ผิวใหม่และผลิตคอลลาเจนออกมามากขึ้น ผิวชั้นหนังกำพร้า (Epidermis) รวมถึงเซลล์ผิวที่ตายแล้วก็จะถูกกำจัดด้วยความร้อนนี้ด้วย หรือก็คือการผลัดเซลล์ผิวนั่นเอง
หลังจากทำ SmoothX 3-5 ครั้ง จะเริ่มเห็นผลได้ว่า หลุมสิวดูตื้นขึ้น รอยดำรอยแดงจางลง อีกทั้งยังทำให้รูขุมขนกระชับ ช่วยให้ผิวหน้าเรียบเนียนและกระจ่างใสขึ้นด้วย
เลเซอร์ Fractional CO2 เป็นวิธีการรักษาที่มีประสิทธิภาพและมีความแม่นยำสูง ไม่ทำให้ผิวไหม้และไม่รบกวนการทำงานของผิวหนังบริเวณรอบข้าง
รักษาหลุมสิวด้วยคลื่นวิทยุ Fractional RF
Fractional RF (Fractional Radiofrequency) คือการรักษาปัญหาผิวด้วยคลื่นความถี่วิทยุที่ส่งผ่านเข็มขนาดจิ๋ว (Microneedle) ค่ะ เมื่อคลื่นวิทยุส่งผ่านเข้าสู่ชั้นผิวหนังแล้ว จะแปรเปลี่ยนเป็นพลังงานความร้อนที่ 55-65°C ซึ่งร่างกายของเราจะตอบสนองด้วยกระบวนการสมานแผล (Wound-healling process) ทำให้เกิดการผลิตคอลลาเจนและอีลาสตินมากขึ้น และกระตุ้นการเกิดใหม่ของเซลล์ด้วยค่ะ
Fractional RF จึงถือเป็นอีกหนึ่งการรักษาหลุมสิวที่ประสิทธิภาพสูง และยังสามารถช่วยแก้ปัญหารอยดำรอยแดงจากสิวได้ดี มีความเสี่ยงต่ำ ไม่ทำให้หน้าบาง และไม่ต้องใช้พักฟื้นหลังทำค่ะ
รักษาด้วยการตัดพังผืด (Subcision)
พังผืด (Fibrous tissue) คือเนื้อเยื่อที่ร่างกายของเราสร้างในกระบวนการการสมานแผล และในหลายกรณี ยังเป็นส่วนที่ดึงรั้งผิวหนังบริเวณฐานของหลุมสิวเอาไว้ การตัดพังผืดจึงเป็นวิธีมักทำควบคู่ไปกับการทำเลเซอร์เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด โดยเป็นการใช้เข็มเล็ก ๆ สอดเข้าไปใต้หลุมสิวเพื่อตัดพังผืดออก ซึ่งทรีตเมนต์สองอย่างนี้ ทำคู่กันก็จะสามารถรักษาหลุมสิวประเภท Rolling ได้ดีมาก
ฉีดฟิลเลอร์รักษาหลุมสิว (Dermal Filler)
ฟิลเลอร์ที่ใช้รักษาหลุมสิวคือฟิลเลอร์ตัวเดียวกันกับที่ฉีดให้หน้าอิ่มฟู ชุ่มชื้น วิธีนี้ก็คือการฉีดสารไฮยาลูรอนิก แอซิดเพื่อเติมเต็มหลุมสิว ตัวไฮยายังมีคุณสมบัติในการช่วยบูสต์การผลิตคอลลาเจนของร่างกาย หลังฉีดแล้วจะเห็นผลทันที โดยหลุมสิวดูจะตื้นขึ้นถึง 70% การฉีดฟิลเลอร์รักษาหลุมสิวมักทำคู่กับการตัดพังผืด (Subcision)
รักษาด้วยการแต้มกรด TCA (TCA peeling และ TCA CROSS)
TCA หรือ Trichloroacetic acid เป็นกรดผลไม้ เมื่อใช้ความเข้มข้นต่ำจะใช้ในการลอกผิว (Chemical Peeling) แต่เมื่อความเข้มข้นสูง (70%-100%) จะเหมาะกับการรักษาหลุมสิวแบบ Ice pick และ Boxcar การลอกผิวนี้ก็คือการผลัดเซลล์ผิวนั้นเอง หลักการของวิธีนี้ก็คือ หมอจะใช้กรด TCA ทาลงบริเวณใบหน้าเพื่อลอกผิวชั้นหนังกำพร้าออก ซึ่งเป็นการกระตุ้นให้ร่างกายเร่งผลิตเซลล์ผิวใหม่ เร่งการผลิตคอลลาเจน กำจัดสิ่งอุดตันรวมถึงเซลล์ที่ตายแล้วออกจากผิวหน้า และยังช่วยลดรอยดำรอยแดงอีกด้วย
การลอกผิวแบ่งได้เป็น 3 ระดับได้แก่ การลอกผิวระดับตื้น (Superficial peeling) ระดับปานกลาง (Medium-depth peeling) และระดับลึก (Deep peeling) แต่ละระดับก็จะใช้เทคนิคและกรดที่มีความเข้มข้นต่างกัน
ส่วนการทำ TCA CROSS หรือ TCA chemical reconstruction of skin scar คือการใช้กรด TCA ที่มีความเข้มข้นสูง 70-100% แต้มบริเวณด้านในของหลุมสิว ทำให้เกิดการกระตุ้นสร้างคอลลาเจน ทำให้หลุมสิวตื้นขึ้น สามารถใช้ได้กับทั้งหลุมสิวประเภท Ice pick, rolling และ boxcar โดยเฉพาะหลุมประเภท icepick ที่ไม่ค่อยสนองต่อการรักษาวิธีอื่น
รักษาหลุมสิวด้วย PRP
PRP หรือ Plasma-Rich Platelet เป็นทรีตเมนต์ที่ค่อนข้างจะแตกต่างกันวิธีรักษาหลุมสิวตัวอื่น ๆ เพราะเป็นการใช้สารสกัดจากเกล็ดเลือดของตัวเราเองมารักษาผิวหน้า เกล็ดเลือดของเรามีโปรตีนที่เรียกว่า Growth factor ซึ่งเป็นตัวกระตุ้นการผลิตคอลลาเจน อีลาสติน และเร่งการสมานแผลของเนื้อเยื่อตามกลไกของร่างกายเรา คุณหมอจะทำการเจาะเลือดของเราเพื่อนำไปปั่นและสกัดเกล็ดเลือดออกมา เกล็ดเลือดสามารถถูกนำมาหยอดเข้าใต้ชั้นผิวได้ด้วยเทคนิค Micro-needling หรือการฉีดเข้าชั้นผิวหนัง สามารถทำควบคู่กับการตัดผังผืด
ที่สำคัญ ด้วยความที่เกล็ดเลือดเข้มข้นนี้ถูกสกัดมาจากเลือดของเราเอง โอกาสที่จะเกิดอาการแพ้จึงน้อยมาก ทำให้ PRP เป็นวิธีรักษาหลุมสิวที่มีความเสี่ยงต่ำ ทำได้ง่าย และมีประสิทธิภาพในการรักษาสูง
รักษาหลุมสิวด้วย รีจูรัน เอส (Rejuran S)
รีจูรัน (Rejuran) เป็นนวัตกรรมการฟื้นฟูผิวจากเกาหลี ซึ่งเป็นสารโพลีนิวคลีโอไทด์ (Polynucleotide หรือ PN) เข้มข้นที่สกัดมากจากดีเอ็นเอของปลาแซลม่อน ทำหน้าที่กระตุ้นการผลิตคอลลาเจน เร่งการเกิดใหม่ของเซลล์ ช่วยในกระบวนการการสมานแผล ลดการอักเสบและเสริมโครงสร้างให้ผิวหนังแข็งแรง ตัวรีจูรัน เอส ถูกพัฒนามาเพื่อแรักษาหลุมสิวและรอยแผลเป็นโดยเฉพาะ ด้วยเนื้อเจลล์ที่หนืดและเข้มข้มกว่า รึจูรัน ฮีลเลอร์ที่ใช้ในการฟื้นฟูผิวทั่วไป
รักษาด้วยการทาเรตินอยด์ (Retinoids)
สารกลุ่มเรตินอยด์ คืออนุพันธ์ของวิตามินเอซึ่งเป็นกลุ่มตัวยาที่อยู่คู่กับวงการความงามมานานมาก ๆ และเป็นยาที่มักใช้ในการรักษาสิวคู่กับยาปฏิชีวนะแบบทา (Tropical antibiotics) สารกลุ่มเรตินอยด์ที่เราน่าจะเคยได้ยินชื่อกันมา อย่างเช่น Retinol, Tretinoin และ Isotretinoin มีฤทธิ์ในการลดการอักเสบ เร่งการเกิดใหม่ของเซลล์ผิว ช่วยปรับให้ผิวเรียบเนียน และทำให้หลุมสิวตื้นขึ้น แต่การบำรุงด้วยเรตินอยด์ต้องทาอย่างสม่ำเสมอและใช้เวลานานก่อนจะเริ่มเห็นผล จึงไม่เหมาะคนที่ต้องการการรักษาแบบเร่งด่วน
รักษาหลุมสิวด้วย Sculptra
Sculptra เป็นสารฉีดกระตุ้นคอลลาเจน (Collagen stimulator) ที่ฟื้นฟูผิวหน้าได้อย่างล้ำลึกและยั่งยืน โดย Scuptra คือสาร Poly-l-lactic acid (PLLA) ซึ่งเป็นสารประเภทเดียวกับตัวไหมละลาย (Suture thread) ที่พิสูจน์แล้วว่าปลอดภัยกับร่างกายของเรา เมื่อฉีดเข้าชั้นผิวแล้ว Sculptra จะกระตุ้นให้เซลล์ผิวผลิตคอลลาเจนออกมา โดยสามารถเพิ่มปริมาณคอลลาเจนได้ถึง 66.5% ซึ่งสำคัญต่อกระบวนการการสมานแผลและเป็นปัจจัยหลักที่จะทำให้หลุมสิวตื้นขึ้น
สารกระตุ้นคอลลาเจน Sculptra ช่วยฟื้นฟูผิวหน้าให้แข็งแรง เต่งตึง อิ่มน้ำ และช่วยเติมเต็มหลุมสิวได้อย่างเป็นธรรมชาติ โดยผลลัพธ์ของ Sculptra อยู่ได้นานถึง 2 ปี เมื่อฉีดครบโดส โดยคำนวนจาก อายุหาร 10 ปัดลง เช่น อายุ 35/10 = 3.5 => 3 โดส และต้องการการฉีดกระตุ้นเพียงปีละ 1 ครั้งเท่านั้น
วิธีรักษาแต่ละแบบ เหมาะกับหลุมสิวประเภทไหนที่สุด
Smooth X: หลุมสิวประเภท rolling และ boxcar
Fractional RF: หลุมสิวประเภท rolling และ boxcar
TCA Cross: หลุมสิวประเภท Ice pick และ boxcar
Subcision: หลุมสิวประเภท rolling
PRP RegenLab: หลุมสิวประเภท rolling และ boxcar
Rejuran S: หลุมสิวประเภท rolling และ boxcar
Sculptra: หลุมสิวประเภท rolling และ boxcar
เปรียบเทียบวิธีรักษาหลุมสิวของ EY Clinic
รักษาหลุมสิว มีราคาเท่าไร
คอร์สรักษาหลุมสิว EY Clinic เริ่มต้นที่ราคา 6,999 บาท คอร์ส Basic (Size S) ของเราประกอบด้วยเลเซอร์ SmoothX ทั่วหน้า (ไม่จำกัดช็อต) 3 ครั้งและ TCA Peeling ทั่วหน้า 3 ครั้ง ซึ่งเป็นคอร์สที่มีประสิทธิภาพในการรักษาหลุมสิวที่ทั้งตื้นและลึก ซึ่งคุณสามารถเข้ารับคำปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่คลินิกได้ โดยจะไม่มีการยัดเยียดทรีตเมนต์ที่ไม่จำเป็นใด ๆ
รักษาหลุมสิวกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่ EY Clinic
EY Clinic ได้รับความไว้ใจจากลูกค้าหลายคนว่าเป็นคลินิกรักษาปัญหาสิวที่ดีที่สุดในย่านบางนา โดยมีหมอผึ้งและทีมหมอผู้เชี่ยวชาญทางด้านผิวหนังและเวชศาสตร์ฟื้นฟูที่พร้อมจะให้คำปรึกษาและดูแลสุขภาพผิวของคุณอย่างครบวงจร นอกจากจะมีความชำนาญทางด้านผิวหนังแล้วแต่ทีมแพทย์ของเรายังดูแลเรื่อง Anti-Aging อีกด้วยเพราะหมอเชื่อว่าความสวยมาพร้อมกับสุขภาพผิวที่ดี และเรายินดีที่จะดูแลคุณในทุกขั้นตอน
รีวิวจากผู้ใช้บริการจริง
Fractional RF Program
Rejuran S Program
รักษาหลุมสิววันนี้ได้ที่ EY Clinic
ใครกำลังกังวลเรื่องหลุมสิว EY Clinic มีคำตอบค่ะ ถ้ามีคำถามเพิ่มเติมหรืออยากปรึกษาคุณหมอก็สามารถติดต่อเราได้ทางไลน์เลยนะคะ @EYClinicTH ปรึกษาฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายค่ะ