รักษาสิว ฝ้า และโรคผิวหนังทุกโรค
May 28, 2024
0
min read

สาเหตุของการเกิดสิว: กลไก ปัจจัย และวิธีรักษา

สาเหตุของการเกิดสิว: กลไก ปัจจัย และวิธีรักษา

เมื่อถามว่า สิวเกิดจากอะไร เราอาจจะตอบได้ว่า สิวเกิดจากฮอร์โมน ความสกปรก ความเครียด หรือปัจจัยอื่น ๆ อีกมากมาย แต่สาเหตุของการเกิดสิวหลัก ๆ คืออะไรกันแน่ กลไกเกิดการเกิดสิวเป็นอย่างไร และการรักษาสิวแบบไหนถึงจะช่วยดูแลและป้องกันได้ หมอผึ้งจะพาคุณไปหาคำตอบในบทความนี้ค่ะ

สรุปใจความสำคัญ

  • สาเหตุของการเกิดสิว หรือกลไกการเกิดสิวมีอยู่ 4 ข้อหลัก ๆ ได้แก่ 1.ต่อมไขมันใต้ผิวหนังผลิตน้ำมันมากเกินไป, 2.การอุดตันของรูขุมขน, 3. การเจริญเติบโตของแบคทีเรีย 4. มีการอักเสบของผิว
  • สิว แบ่งออกได้ 2 ประเภท ได้แก่ สิวอักเสบ และสิวไม่อักเสบ (สิวหัวขาว, สิวหัวดำ)
  • ปัจจัยที่ทำให้เกิดสิวมีอยู่หลายข้อ ทั้งปัจจัยภายนอก อย่าง ฝุ่นควัน ปัจจัยทางพฤติกรรม อย่าง การรักษาความสะอาด และปัจจัยภายในอย่าง พันธุกรรมและฮอร์โมน
  • เราสามารถดูและผิวและป้องกันการเกิดสิวใหม่ได้ ด้วยการดูแลรักษาความสะอาด บำรุงผิวอย่างสม่ำเสมอ และรักษาสิวอย่างถูกวิธี

เจาะลึก สาเหตุของการเกิดสิว

หมอขอสรุปสาเหตุของการเกิดสิวเป็น 4 สาเหตุ ดังนี้ค่ะ: 1. ต่อมไขมันผลิตน้ำมันออกมามากเกินไป, 2. การอุดตันของรูขุมขนด้วยเคราติน เซลล์ผิวที่ตายแล้ว และสิ่งตกค้าง, 3. การเจริญเติบโตของแบคทีเรีย 4. มีการอักเสบของผิว

โดยปกติแล้ว ต่อมไขมัน (Sebaceous gland) ใต้ชั้นผิวของเรามีหน้าที่ผลิตน้ำมัน (Sebum) ออกมาเคลือบผิวชั้นนอกเพื่อคงความชุ่มชื่นและป้องกันผิวจากแบคทีเรียที่เป็นอันตรายค่ะ หากผิวของเราไม่มีน้ำมันเลย ผิวก็จะแห้งกร้าน ระคายเคือง และติดเชื้อง่ายค่ะ

นอกจากนี้ บนผิวของเรายังแบคทีเรีย P. acnes (หรือ C. acnes) ที่เป็น “normal flora” หรือแบคทีเรียที่อยู่อาศัยโดยที่ไม่ทำอันตรายใด ๆ โดย P. acnes เป็นตัวช่วยปกป้องผิวของเราจากแบคทีเรียตัวอื่นที่อาจเป็นอัตรายค่ะ

กลไกการเกิดสิว เริ่มจากการที่ต่อมไขมันของเราผลิตน้ำมันออกมามากเกินไป ร่วมกับการที่ผิวของเราผลิตเคราตินออกมามากเกินไป (Hyperkeratinization) ทั้งเคราติน เซลล์ผิวที่ตายแล้ว และน้ำมันจะรวมตัวกระจุกกันอยู่ในรูขุมขน จนทำให้เกิดการอุดตัน (ซึ่งทางการแพทย์จะเรียกว่า Microcomedones มีขนาดเล็ก และมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า) และนำไปสู่การเกิดสิวในที่สุดค่ะ

รูขุมขนที่อุดตันเป็นสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมของการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย P. acnes เมื่อแบคทีเรียเกิดการสะสมมากขึ้น ๆ เรื่อย ร่างกายก็จะตอบสนองด้วยการส่งเม็ดเลือดขาวมาจัดการ ผ่านกระบวนการการอักเสบ นั่นเองค่ะ

การเข้าใจสาเหตุของการเกิดสิวเหล่านี้ จะทำให้เราเข้าใจการแบ่งประเภทของสิวและการรักษามากขึ้นค่ะ

ทำไมเป็นวัยรุ่นแล้วสิวขึ้น

วัยรุ่นมักเจอกับปัญหาสิว เพราะว่า ช่วงวัยรุ่นเป็นช่วงที่ระดับฮอร์โมนในร่างกายมีความแปรปรวนสูง ซึ่งส่งผลให้ผิวมัน และเป็นสิวได้ง่ายขึ้นค่ะ

อย่าลืมว่า การเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักของการเกิดสิว ซึ่งสิ่งที่เราสามารถทำได้ เพื่อลดความรุนแแรงของปัญหาสิว ก็คือ รักษาความสะอาดของผิว ลดอาหารที่หวานและมัน และ รักษาสิวให้ถูกวิธีค่ะ

ทำไมนอนดึกแล้วสิวขึ้น

สาเหตุที่ทำให้สิวขึ้นเมื่อเรานอนดึก เกิดจาก ฮอร์โมนความเครียด หรือ คอร์ติซอลที่สูงขึ้นค่ะ 

โดยฮอร์โมนคอร์ติซอลจะมีระดับสูงขึ้นเมื่อร่างกายได้รับการพักผ่อนที่ไม่เพียง ส่งผลให้ผิวมีความมันมากขึ้น และเกิดเป็นสิวได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ ยังทำให้ภูมิคุ้มกันของร่างกายอ่อนแอลง ซึ่งทำให้แบคทีเรีย P.acnes ซึ่งเป็นตัวการของสิวอักเสบ เจริญเติบโตได้ง่ายขึ้นด้วยค่ะ

ทำความรู้จักกับประเภทของสิว

ประเภทของสิวแบ่งออกเป็น สิวไม่อักเสบ หรือสิวอุดตัน และสิวอักเสบ ค่ะ

สิวไม่อักเสบ หรือ สิวอุดตัน (Comedones)

  • สิวหัวขาว (Whitehead หรือ Closed comedone) คือ สิวอุดตันหัวปิด มีลักษณะเป็นตุ่มนูนขนาดเล็ก หากไม่ได้รับการรักษา สามารถพัฒนาต่อไปเป็นสิวอักเสบได้ค่ะ
  • สิวหัวดำ (Blackhead หรือ Open comedone) คือ สิวอุดตันที่มีหัวเปิด ทำให้สิ่งที่อุดตันอยู่ข้างในได้สัมผัสกับอากาศภายนอก และเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชั่น (Oxidation) ส่งผลให้สิ่งอุดตันเหล่านั้นกลายเป็นสีดำ ซึ่งเราก็จะเห็นเป็นหัวสิวสีดำนั่นเองค่ะ

สิวอักเสบ (Inflammatory acnes)

  • สิวตุ่มแดง (Papule) มีลักษณะเป็นตุ่มนูนแดงแข็ง ๆ เส้นผ่าศูนย์กลางน้อยกว่า 1 เซนติเมตร สัมผัสแล้วรู้สึกเจ็บ
  • สิวหัวหนอง (Pustule) มีลักษณะเป็นตุ่มนูนแดง มีหัวหนองสีขาว
  • สิวไต (Nodule) มีลักษณะเป็นตุ่มแดงขนาดใหญ่ แข็งเป็นไต ภายในเป็นหนองและเลือด รากฐานการอักเสบลึกได้ถึง 2 เซนติเมตร สามารถมาในรูแบบของสิวไตหัวเปิดเป็นหนอง (Cystic acne) หรือ อาจเป็นสิวเม็ดใหญ่และมีหนองอยู่ภายใน ที่เรียกกันว่า สิวหัวช้าง (Nodulocystic acne) ซึ่งมีอักเสบที่รุนแรง รักษาให้หายได้ยากค่ะ

ปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดสิว

เมื่อรู้ถึงกลไกและสาเหตุของการเกิดสิวไปแล้ว เราจะมาพูดกันถึงปัจจัยทั้งภายในและภายนอกที่ทำให้เราเป็นสิวมากขึ้นกันค่ะ

ฮอร์โมน

ในหลาย ๆ กรณี ปัญหาสิว เกิดจากความแปรปรวนของฮอร์โมนค่ะ ซึ่งฮอร์โมนตัวดีที่เป็นสาเหตุของการเกิดสิวได้ง่าย คือ ฮอร์โมนเอนโดรเจน (Androgens) หรือ เทสโทสเทอโรน (Testosterone) หรือ ที่เรียกกันว่า ฮอร์โมนเพศชาย นั่นเองค่ะ ฮอร์โมนตัวนี้มีผลทำให้ต่อมไขมันใต้ผิวหนังทำงานหนักขึ้น ผลิตน้ำมันออกมามากขึ้น ส่งผลให้ผิวมัน และนำไปสู่การอุดตันของรูขุมขน

ส่วนฮอร์โมนเพศหญิง หรือ เอสโตรเจน (Estrogen) จะเป็นฮอร์โมนที่ให้ผลตรงกันข้ามกับเทสโทสเทอโรน ค่ะ กล่าวคือ เอสโตรเจนทำให้ผิวมันน้อยลงนั่นเองค่ะ

สิวมักจะมาในช่วงนี้ระดับฮอร์โมนของเราแปรปรวน เช่น ช่วงก่อนมีประจำเดือน เนื่องจากเป็นช่วงที่ระดับเอสโตรเจนในร่างกายของเราต่ำ ส่งผลให้เทสโทสเทอโรนทำงานได้โดยไม่มีอะไรมาขัดขวาง ผิวของเราจึงมีความมันมากขึ้นและเป็นสิวได้ง่ายขึ้นค่ะ

ความเครียด

ความเครียดทั้งด้านร่างกาย และจิตใจ เป็นอีกสาเหตุหนึ่งของการเกิดสิวค่ะ สังเกตกันไหมคะว่า สิวมักจะมาในช่วงที่เราทำงานหนัก และไม่ได้รับการพักผ่อนอย่างเต็มที่ นั่นก็เป็นเพราะว่า ในช่วงเราเจอกับความเครียด ร่างกายของเราจะตอบสนองด้วยการปล่อย ฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) ออกมากขึ้น โดยปกติแล้ว ระดับคอร์ติซอลในร่างกายของเราจะพีคที่สุดในตอนเช้า เพื่อทำหน้าที่เตรียมร่างกายให้พร้อมกับกิจกรรมต่าง ๆ ในแต่ละวัน แต่ความเครียดจะดึงระดับคอร์ติซอลให้สูงขึ้นอยู่ตลอดเวลา ซึ่งมีผลทำให้ผิวมีความมัน เกิดการอักเสบได้ง่ายขึ้น และเป็นสิวง่ายขึ้นนั่นเองค่ะ

นอกจากนี้ ความเครียดที่สะสมยังมีผลทำให้ภูมิคุ้มกันของร่างกายอ่อนแอลง ซึ่งเปิดช่องทางให้แบคทีเรีย P.acnes เติบโตได้ง่ายและไวขึ้นด้วยค่ะ

ปัจจัยทางพันธุกรรม

ปัจจัยทางพันธุกรรมที่เป็นสาเหตุใหญ่ของการเกิดสิวเช่นกันค่ะ ว่ากันง่าย ๆ ก็คือ ถ้าพ่อแม่ของเรามีประวัติเป็นสิว โอกาสที่เราจะเป็นสิวก็มีสูงค่ะ เนื่องจากพันธุกรรมเป็นมีผลต่อการทำงานของต่อมไขมัน ภูมิคุ้มกันบนผิวหนัง และกระบวนการอักเสบของผิวหนังค่ะ

ผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่ใช้กับผิว

ผลิตภัณฑ์ที่ใช้กับผิว เช่น เครื่องสำอาง ครีมกันแดด หรือมอยเจอร์ไรเซอร์ อาจทิ้งสารตกค้างและอุดตันรูขุมขนของเราได้ค่ะ ในทางกลับกัน ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าบางชนิดก็สามารถทำให้ผิวระคายเคือง เซนซิทีฟ แห้ง ซึ่งนำไปสู่การเกิดสิวได้ค่ะ

อาหารที่รับประทาน

อาหารที่เราเลือกทานมีผลต่อสุขภาพผิวค่ะ โดยงานวิจัยจาก American Journal of Clinical Dermatology ในปี 2021 ระบุอย่างชัดเจนว่าอาหารที่มีน้ำตาล ไขมัน และ คาร์โบไฮเดรตแปรรูป (Refined carbohydrates) สูง มีผลทำให้ผิวเป็นสิวง่ายขึ้น ซึ่งอาหารเหล่านี้ก็ได้แก่ ฟาสฟู้ด ของทอด และเครื่องดื่มหวาน ๆ ที่คนไทยชื่นชอบอย่าง ชานมไข่มุกค่ะ อาหารเหล่านี้มีส่วนทำให้ผิวมันและการเกิดการอักเสบได้ง่ายขึ้น และยังทำให้ผิวดูหมองคล้ำ ไม่สดใสด้วยค่ะ

เหงื่อไคล และเสื้อผ้าที่คับแน่น

เหงื่อไคล เครื่องประดับ และเสื้อผ้าที่คับแน่น คือตัวการสาเหตุของการเกิดสิวของบริเวณแผ่นหลังและลำคอค่ะ โดยสิวเกิดจากเสื้อผ้าที่คับจะทำให้ผิวเกิดการระคายเคือง แถมยังระบายอากาศไม่ดี ส่งผลให้เหงื่อไม่ระเหยและกลายเป็นแหล่งรวมตัวของแบคทีเรียในที่สุดค่ะ

การไม่รักษาความสะอาดของร่างกายและข้าวของเครื่องใช้

อีกหนึ่งสาเหตุของการเกิดสิวที่เราจะไม่พูดถึงไม่ได้เลย ก็คือ การไม่รักษาความสะอาดค่ะ นอกจากการอาบน้ำชำระร่างกาย และการเช็ดเครื่องสำอางออกให้หมดจดแล้ว ข้าวของเครื่องใช้ที่สัมผัสกับผิวของเราอยู่ทุกวันก็ควรจะได้รับการดูแลทำความสะอาดด้วยค่ะ 

ของใช้ อย่าง ปลอกหมอน ผ้าห่ม ผ้าเช็ดตัว และแปรงแต่งหน้า เป็นแหล่งรวบรวมสิ่งตกค้างและแบคทีเรียอย่างดี หากเราไม่ดูแลรักษาความสะอาด ของใช้เหล่านี้ก็อาจกลายเป็นตัวการที่ทำให้เรามีปัญหาสิวซ้ำแล้ว ซ้ำอีกได้ค่ะ

มลภาวะทางอากาศ

ฝุ่นควัน และมลภาวะทางอากาศเป็นอีกหนึ่งสาเหตุของการเกิดสิวที่หลายคนอาจจะมองข้ามไปค่ะ มลภาวะทางอากาศนอกจากจะส่งผลเสียต่อระบบทางเดินหายใจ แล้วยังเป็นส่งผลทำให้ผิวของเราสูญเสียเกราะป้องกันตามธรรมชาติและเสียสมดุลด้วยค่ะ โดยงานวิจัยจาก International Journal of Women’s Dermatology ปี 2020 ระบุว่า มลภาวะทางอากาศมีอิทธิพลต่อการเกิดโรคสิว โรคผิวหนังอักเสบ (Atopic dermatitis) โรคสะเก็ดเงิน (Psoariasis) และผิวหมองคล้ำ (Hyerperpigmentation) ค่ะ

ฝุ่นควันเต็มไปด้วยสารอนุมูลอิสระที่ส่งผลทำให้เซลล์ผิวของเราเสื่อมสภาพเร็ว เมื่อผิวต้องเจอกับฝุ่นและมลภาวะนาน ๆ ก็จะทำให้ผิวแก่เร็ว เป็นสิวง่าย และหมองคล้ำไม่สดใสด้วยค่ะ

การใช้ยาบางชนิด

ในบางกรณี สาเหตุของการเกิดสิวก็มาจากการใช้ยาค่ะ โดยเฉพาะยากลุ่มสเตียรอยด์ และสเตียรอยด์ที่ใช้เพื่อการเพิ่มมวลกล้ามเนื้อ เนื่องจากสเตียรอยด์โดยสิวสเตียรอยด์มีผลทำให้: 1. ผิวของเราผลิตน้ำมันออกมามากขึ้น 2. ภูมิคุ้มกันต่ำลง ส่งผลให้แบคทีเรียเจริญเติบโตบนผิวได้ง่ายขึ้น 3. ระดับฮอร์โมนในร่างกายมีความแปรปรวน ซึ่งโดยส่วนมากแล้ว สิวสเตียรอยด์จะพบได้ที่บริเวณแผ่นหลังค่ะ

อย่างไรก็ดี หากเราเจอปัญหาสิวที่เกิดจากการใช้ยา หมอผึ้งแนะนำว่า อย่าหยุดใช้ยาเองค่ะ แต่ควรปรึกษาแพทย์เจ้าของไข้ หรือแพทย์ผิวหนัง และควรแจ้งแพทย์ทุกครั้งถึงยาที่ใช้ เพื่อจะได้วางแผนการรักษาตามความเหมาะสมค่ะ

ดูแลตัวเองอย่างไรไม่ให้เป็นสิว

เราเห็นแล้วว่า ปัจจัยและสาเหตุของการเกิดสิวมีอยู่หลายประการ แต่เราก็สามารถดูแลตัวเองเพื่อรักษาสุขภาพผิวให้แข็งแรง และลดโอกาสการเกิดสิวได้ตามวิธีต่อไปนี้ค่ะ

1. รักษาความสะอาด

การรักษาความสะอาดเป็นวิธีป้องกันและรักษาสิวเบื้องต้นที่หมอผิวหนังทุกคนแนะนำค่ะ สำหรับคนที่ใช้เครื่องสำอางเป็นประจำ อย่าลืมเช็ดเครื่องสำอางออกก่อนล้างหน้า หรืออาจจะใช้วิธี Double cleansing ก็ได้ค่ะ และที่สำคัญ อย่าลืมทำความสะอาดข้าวของเครื่องใช้ โดยเฉพาะอุปกรณ์แต่งหน้า และผ้าเช็ดตัว เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการสะสมของสิ่งสกปรกและแบคทีเรียค่ะ

2. บำรุงและรักษาสมดุลให้ผิว

ผิวจะสุขภาพดีได้ ต้องอาศัยการบำรุงอย่างสม่ำเสมอค่ะ การบำรุงผิวขั้นพื้นฐานที่เราสามารถทำได้ในทุก ๆ วัน คือการทามอยเจอร์ไรเซอร์ เพื่อเก็บล็อกความชุ่มชื้นให้ผิวค่ะ เนื่องจากความชุ่มชื้นเป็นหัวใจสำคัญของเซลล์ผิวที่แข็งแรง และยังช่วยในเรื่องของกระบวนสมานแผลด้วยค่ะ

3. เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับผิว

การเลือกใช้ครีมบำรุง ครีมกันแดด และเครื่องสำอางที่ไม่ทำให้รูขุมขนอุดตัน (Non-comedogenic) จะสามารถช่วยลดการเกิดสิวได้ค่ะ สำหรับคนที่มีผิวแพ้ง่าย อย่าลืมเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีความอ่อนโยน เพื่อป้องกันการอักเสบ และระคายเคืองของผิวค่ะ

4. ลดอาหารที่มีน้ำตาลและไขมันสูง

เลือกทานอาหารที่มีวิตามินและไฟเบอร์สูง และลดอาหารจำพวกของหวาน ของทอด ฟาสฟู้ด และน้ำหวาน สามารถช่วยลดการอักเสบของผิว และลดโอกาสการเกิดสิวได้ดีค่ะ ทั้งนี้ไม่ได้แปลว่าเราไม่สามารถทานอาหารพวกนี้ได้เลย เพียงแต่เราสามารถลดปริมาณและความบ่อยในการทานลงได้ เพื่อสุขภาพกายและสุขภาพผิวที่ดีขึ้นค่ะ

5. ไม่แกะ บีบ หรือกดสิวเอง และรักษาสิวอย่างถูกวิธี

เราอาจจะรู้สึกรำคาญเมื่อเห็นสิวอักเสบเม็ดใหญ่ที่ทั้งแดงทั้งเจ็บ และอยากจะบีบออกให้จบ ๆ ไป หมอผึ้งขอย้ำเลยค่ะว่า การบีบสิวไม่ใช่วิธีรักษาที่ดีเลย เเพราะการบีบสิวจะทำให้การอักเสบ กระจายออกมายังผิวบริเวณรอบข้าง นำไปสู่การเกิดสิวใหม่มีการอักเสบที่รุนแรงกว่าเดิม และยังเป็นการทำร้ายผิวซึ่งอาจส่งผลให้เกิดเป็นแผลเป็นด้วยค่ะ

และสำหรับคนที่ชอบกดสิวเสี้ยน หรือกดสิวอุดตันออกเองที่บ้าน หมอขอแนะนำให้หลีกเลี่ยงค่ะ เนื่องจากการกดสิวที่ไม่ถูกวิธีจะเป็นการทำร้ายผิวมากกว่าการรักษา และควรให้ผู้เชี่ยวชาญเป็นคนทำดีกว่าค่ะ

และสำหรับคนที่มีปัญหาสิว เราสามารถรักษาเองได้ด้วยการใช้ยาแต้มสิว เช่น Benzyl peroxide, Salicylic acid, Tretinoin หรือ ยาปฏิชีวนะอย่าง Clindamycin ค่ะ ซึ่งยาเหล่านี้เราสามารถซื้อและขอคำแนะนำการใช้ได้จากเภสัชกร แต่หากเป็นการรักษาสิวด้วยยากิน หรือ หัตถการอื่น ๆ หมอขอแนะนำให้เข้ารับการรักษากับคลินิกที่ได้มาตรฐานและเชื่อถือได้ค่ะ

ปัญหาสิว รักษาได้ที่ EY Clinic

หมอผึ้งหวังว่าบทความนี้จะช่วยให้คุณได้เข้าใจถึงสาเหตุของการเกิดสิวมากขึ้น สำหรับคนที่มีปัญหาสิวเรื้อรัง รักษาไม่หายสักที ลองเข้ามาพูดคุยกับหมอได้ที่ EY Clinic ค่ะ เราเข้าใจถึงความท้อใจที่มาจากปัญหาผิวที่น่าหงุดหงิด คลินิกของเราจึงมุ่งมั่นที่ช่วยดูแลและมอบสุขภาพผิวที่ดีให้กับคุณค่ะ โดยโปรแกรมรักษาสิวที่ EY Clinic มีให้บริการมีดังนี้ค่ะ

  • Acne basic: ทรีตเมนต์กดสิว มาสก์หน้าและทรีตเมนต์บำรุงผิว เริ่มต้นที่ 999 บาท
  • Acne plus: ทรีตเมนต์กดสิว และ DermaLight IPL (ทั่วหน้า) เริ่มต้นที่ 1,799 บาท
  • Acne clearsure รวมทรีตเมนต์กดสิว เลเซอร์ AdvaTx (30 จุด) และ DermaLight IPL (ทั่วหน้า) เริ่มต้นที่ 2,599 บาท

ทั้งนี้ เราจะมีการวางแผนการรักษาให้เหมาะกับตัวคุณ โดยไม่มีการยัดเยียดคอร์สที่ไม่จำเป็น และมีการติดตามผลการรักษาเพื่อการันตีความพึงพอใจของคุณด้วยค่ะ

EY Clinic เป็นคลินิกที่เชี่ยวชาญด้านสิว หลุมสิว และ ชะลอวัย


เพราะเราคือทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์รวมกันมากกว่า 30 ปี นำทีมโดย หมอผึ้ง (พญ.พัจนภา เวชอนุรักษ์) แพทย์ผิวหนังเฉพาะทาง สถาบันโรคผิวหนัง Board of Dermatology and Dermatosurgery และ หมอโบว์ (พญ. พันธลี ชื่นสัมพันธ์) เวชศาสตร์ชะลอวัย American Board of Anti-Aging & Regenerative Medicine แพทยศาสตร์บัณฑิตโรงพยาบาลรามาธิบดี ยินดี ให้คำปรึกษาและช่วยดูแลให้ผิวของคุณมีสุขภาพดีมากขึ้นค่ะ

แวะเข้ามาพูดคุยกับเราได้ที่ EY Clinic หรือ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ @EYClinicTH ค่ะ


อ้างอิงข้อมูล:

  • Arruda, S., Swearingen, A., Medrano, K., & Sadick, N. (2021). Subject satisfaction following treatment with nanofractional radiofrequency for the treatment and reduction of acne scarring and rhytids: A prospective study. Journal of Cosmetic Dermatology.  https://doi.org/10.1111/jocd.14455 

รีวิวจากผู้รับบริการจริง

acne & acne scar expert
เรามีทรีตเมนต์หลากหลายที่ออกแบบมาเพื่อส่งเสริมสุขภาพโดยรวมของคุณ ตั้งแต่การดูแลผิวไปจนถึงโภชนาการ เรามีทุกสิ่งที่คุณต้องการเพื่อให้คุณรู้สึกดีที่สุด