รักษาหลุมสิว
Sep 4, 2025
0
min read

เจาะลึกความแตกต่าง Profhilo vs Juvelook ตัวไหนดีกว่ากัน?

เจาะลึกความแตกต่าง Profhilo vs Juvelook ตัวไหนดีกว่ากัน?

Profhilo และ Juvelook เป็นสองนวัตกรรม Skin Booster ที่ได้รับความนิยมสูงในปัจจุบันค่ะ โดยแต่ละตัวต่างก็มีจุดเด่นและจุดประสงค์การรักษาที่ต่างกันออกไป ในบทความนี้ หมอจะอธิบายถึงองค์ประกอบ กลไกการทำงาน และผลลัพธ์ของทั้ง Profhilo และ Juvelook เรามาดูกันว่า ตัวไหนทำงานอย่างไรเพื่อประกอบการตัดสินใจกันค่ะ

สรุปสาระสำคัญ

  • Profhilo และ Juvelook มีความสามารถในการให้ความชุ่มชื้นและกระตุ้นคอลลาเจนเหมือนกัน
  • Profhilo คือ HA ไฮยาลูรอนิก แอซิดชนิดพิเศษ (Non-Crosslinked) ในขณะที่ Juvelook คือ PDLLA ผสมกับ HA ไฮยาลูรอนิก แอซิด
  • Profhilo จะโดดเด่นด้วยความสามารถในการยกกระชับผิวและลดเลือนริ้วรอย
  • Juvelook ช่วยให้ผิวมีความอิ่มน้ำและฉ่ำวาวได้ทันที และกระตุ้นคอลลาเจนแบบค่อยเป็นค่อยไป เหมาะสำหรับรักษาหลุมสิว
  • ผลลัพธ์ของ Profhilo มีอายุถึง 12 เดือน ในขณะที่ Juvelook อยู่ได้นานถึง 24 เดือน

Profhilo คืออะไร ทำงานอย่างไร

Profhilo คือการฟื้นฟูผิวด้วยสารไฮยาลูรอนิก แอซิด (Hyaluronic Acid) ที่มีคุณสมบัติในการกระตุ้นคอลลาเจนและปรับโครงสร้างผิว (Bioremodelling) ซึ่งช่วยแก้ไขปัญหาผิวได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นริ้วรอย ผิวหย่อนคล้อย ผิวแห้งกร้านคล้ำเสีย หรือรอยแผลเป็นและหลุมสิวค่ะ 

ไฮยาลูรอนิก แอซิดใน Profhilo ผลิตด้วย NAHYCO® Technology โดยมีลักษณะโมเลกุลเป็นแบบ Non-crosslinked ส่งผลให้สารสามารถกระจายตัวได้ดีไม่จับตัวเป็นก้อน ซึ่งแตกต่างจากไฮยาในฟิลเลอร์ที่ฉีดเพิ่มเติมปริมาตรให้ผิวค่ะ 

การทำงานของ Profhilo

  • เมื่อฉีดเข้าสู่ผิวแล้ว Profhilo จะส่งสัญญาณกระตุ้นเซลล์ไฟโบรบลาสต์ (Fibroblast) ให้ผลิตสร้างคอลลาเจน (ชนิดที่ 1,3 และ 4) รวมถึงอีลาสตินและสารเคลือบเซลล์ค่ะ
  • ช่วยให้เกิดการปรับโครงสร้างผิว และการสมานแผล 
  • Profhilo กระตุ้นเซลล์เคราติโนไซต์ (Keratinocytes) ในชั้นหนังกำพร้า ทำให้เกราะป้องกันผิวมีความแข็งแรงยิ่งขึ้น 
  • ไฮยาลูรอนิก แอซิดของ Profhilo มีเนื้อที่เหลวและกระจายตัวได้ดี ทำหน้าที่เป็นตัวเติมน้ำและล็อกความชุ่มชื้นไว้กับเซลล์ผิว

โดยงานวิจัยจาก Clinical, Cosmetic and Investigational Dermatology พบว่า เพียง 3 สัปดาห์หลังฉีด Profhilo ผิวมีความหนาตัวขึ้นจาก 1.1-1.3 มม. เป็น 1.3-1.5 มม. ภายใต้การกระตุ้นการสร้างเนื้อเยื่อและคอลลาเจนค่ะ ผลลัพธ์ที่ได้คือ ผิวมีความกระชับ แน่น และแข็งแรงมากยิ่งขึ้น และดูอ่อนวัยอย่างเป็นธรรมชาติค่ะ 

จุดเด่นของ Profhilo

  • กระตุ้นการทำงานของเซลล์ทั้งในชั้นหนังกำพร้าและหนังแท้ ซึ่งต่างจากกลุ่ม Biostimulator ที่มักจะออกฤทธิ์ในชั้นหนังแท้เท่านั้น
  • ฟื้นฟูผิวให้แน่นและกระชับ ช่วยแก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อยและริ้วรอยได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ปรับเปลี่ยนรูปหน้า 
  • Profhilo สามารถสลายตัวได้ตามกลไกธรรมชาติ ไม่ทิ้งสารตกค้าง สามารถฉีดได้ทั้งทั่วใบหน้าและเฉพาะจุดเพื่อแก้ปัญหาผิวที่ต้องการ
  • สามารถทำร่วมกับหัตถการอื่นได้ เช่น ทำควบคู่กับการตัดพังผืด (Subcision) หรือ เลเซอร์ Viva Venus MD เพื่อรักษาหลุมสิว
  • เป็นหัตถการที่ไม่ต้องพักฟื้น และมีความเสี่ยงต่อการแพ้ต่ำ

Profhilo ฉีดกี่ครั้ง อยู่ได้นานแค่ไหน

Profhilo ควรฉีดติดต่อกัน 2 ครั้ง โดยเว้นระยะห่างครั้งละ 3-4 สัปดาห์ โดยจะให้ผลที่ชัดเจนหลังจาก 1-2 เดือน ซึ่งผลลัพธ์ของ Profhilo อยู่ได้นาน 6-12 เดือนค่ะ 

Juvelook คืออะไร และทำงานอย่างไร

Juvelook หรือที่บางคนเรียกว่า “ไหมน้ำ” คือ Hybrid Biostimulator ที่ประกอบด้วยไฮยาลูรอนิก แอซิดและ Poly-D,L-Lactic Acid (PDLLA) ค่ะ โดยผลลัพธ์ของ Juvelook จะออกมาในรูปแบบ 2in1 คือ 1. เติมความชุ่มชื้นให้ผิว 2. กระตุ้นคอลลาเจนและซ่อมแซมผิวในระยะยาวด้วยค่ะ 

การทำงานของ Juvelook

  • ไฮยาลูรอนิก แอซิดใน Juvelook ทำหน้าที่เติมความชุ่มชื้นให้กับเซลล์ผิว เมื่อฉีดแล้ว ผิวจะมีความอิ่มน้ำและเปล่งปลั่งขึ้น โดยเป็นผลลัพธ์ที่เห็นได้ทันทีค่ะ  
  • PDLLA ใน Juvelook จะกระตุ้นให้ผิวเกิดการอักเสบแบบอ่อน ๆ เพื่อผลักผิวให้เข้าสู่กระบวนการซ่อมแซมตัวเอง โดยจะผลิตคอลลาเจนและเส้นใยโปรตีนอื่น ๆ ออกมามากขึ้นค่ะ

การกระตุ้นคอลลาเจนของ PDLLA จะเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยใช้เวลาเริ่มต้นที่ 3-4 สัปดาห์ค่ะ หลังจากนั้นผิวก็จะเริ่มแน่นฟู เนียนเด้ง กระชับเรื่อย ๆ โดยพบว่า หลังฉีด Juvelook แล้ว 6 เดือน ปริมาณคอลลาเจนใต้ชั้นผิวเพิ่มอย่างชัดเจน อีกทั้งยังซ่อมแซมเนื้อเยื่อส่วนรอยแผลเป็น (Scar remodelling) ทำให้ดูจางลงค่ะ

จุดเด่นของ Juvelook

  • เติมความชุ่มชื้น ช่วยให้ผิวอิ่มน้ำตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉีด
  • กระตุ้นคอลลาเจนแบบค่อยเป็นคอยไป ให้ผลลัพธ์ยาวนาน และเป็นธรรมชาติ
  • แก้ปัญหาผิวได้หลากหลาย เช่น ผิวหมองคล้ำ สีผิวไม่สม่ำเสมอ หลุมสิว และริ้วรอย
  • ฉีดได้ทั้งทั่วหน้าและเฉพาะจุด เช่น ใต้ตา แก้ม หน้าผาก 
  • สามารถฉีดเพื่อแก้ปัญหาหลุมสิวได้ 
  • ผลข้างเคียงต่ำ และไม่ต้องการการพักฟื้น 

Juvelook ฉีดกี่ครั้ง อยู่ได้นานแค่ไหน

การฉีด Juvelook ควรทำติดต่อกัน 3 ครั้ง โดยเว้นระยะห่างครั้งละ 1 เดือนค่ะ ผลลัพธ์ของการฉีด Juvelook จะมีอายุที่ 12-18 เดือน หรืออาจอยู่นานถึง 2 ปี ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการดูแลของบุคคลค่ะ 

เปรียบเทียบระหว่าง Profhilo กับ Juvelook

 

Profhilo

Juvelook

องค์ประกอบ

Hyaluronic Acid บริสุทธิ์แบบ Non-crosslinked

Hyaluronic Acid + PDLLA

การทำงาน

กระตุ้นคอลลาเจนทั่วชั้นผิว + เติมความชุ่มชื้น

ชุ่มชื้นทันที + กระตุ้นคอลลาเจนระยะยาว

จุดประสงค์หลักของการรักษา

ยกกระชับ/ฟื้นฟูผิวตามวัย

ผิวไม่สม่ำเสมอ/ปัญหาเฉพาะจุด

การรักษาหลุมสิว

Boxcar, Rolling แบบตื้น (ปรับ texture ชั้นบน)

Boxcar, Rolling แบบลึก (เติมคอลลาเจนแก้ volume loss)

จำนวนครั้งการฉีด

ติดต่อกัน 2 ครั้ง เว้นระยะห่างครั้งละ 4 สัปดาห์

ติดต่อกัน 3 ครั้ง เว้นระยะห่างครั้งละ 4 สัปดาห์

อายุผลลัพธ์

6–12 เดือน

12–18 เดือน

Profhilo vs Juvelook ตัวไหนดีกว่า ปรึกษาที่ EY Clinic

ทั้งสองอย่างเป็นตัวเลือกเสริมความชุ่มชื้นและฟื้นฟูผิวที่ปลอดภัย แต่ “หัวใจ” การทำงานต่างกันค่ะ 

  • โปรแกรม Profhilo เน้นรีเฟรชผิวทั้งใบหน้าให้ฉ่ำ นุ่ม และยืดหยุ่นขึ้น กระตุ้นคอลลาเจนแบบอ่อนโยนโดยรวม โดยไม่เพิ่มวอลลุ่มและไม่พึ่งการอักเสบ จึงเหมาะกับคนที่เริ่มมีริ้วรอย ผิวหย่อนเล็กน้อย หรืออยากให้ผิวกลับมาดูสุขภาพดีขึ้นแบบเป็นธรรมชาติทั้งหน้า
  • โปรแกรม Juvelook จะตอบโจทย์เรื่องผิวไม่เรียบเนียน รูขุมขนกว้าง สีผิวไม่สม่ำเสมอ หรือมีหลุมสิว เพราะออกแบบมาเพื่อ ฟื้นฟูโครงสร้างผิวและปรับ Texture เชิงลึก ผ่านกระบวนการอักเสบแบบควบคุม (controlled inflammation) ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ให้ผิวดูแน่นและกระชับขึ้น

สรุปเพื่อให้จำง่ายๆ: Profhilo คือการ Refresh ผิวทั่วหน้าแบบไม่เพิ่ม Volume ส่วน Juvelook คือการซ่อมแซมโครงสร้างและความเรียบเนียนของผิวในระดับลึก โดยการเลือกขึ้นอยู่กับปัญหาที่อยากแก้และผลลัพธ์ที่คาดหวังของแต่ละคน ควรประเมินร่วมกับแพทย์ก่อนตัดสินใจค่ะ.

สำหรับคนที่ยังลังเลหรือไม่แน่ใจว่าควรเลือก Profhilo หรือ Juvelook สามารถเข้ามาปรึกษาหมอที่ EY Clinic ได้ค่ะ โดยเรามีการวิเคราะห์และประเมินสภาพผิวก่อน เพื่อออกแบบการรักษาให้เหมาะสมกับความต้องการ อีกทั้งยังดูแลด้วยความใส่ใจอย่างเป็นมือชีพ โดยไม่มีการยัดเยียดคอร์สที่ไม่จำเป็นแน่นอนค่ะ

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยว Profhilo และ Juvelook

Profhilo มีผลข้างเคียงไหม?

หลังฉีด Profhilo ผิวอาจมีรอยช้ำหรือบวมแดงเล็กน้อย ซึ่งจะบรรเทาลงเองภายในไม่กี่วันค่ะ

Profhilo ปลอดภัยไหม?

Profhilo เป็นหัตถการที่ปลอดภัยค่ะ โดยเป็นผลิตภัณฑ์ที่ย่อยสลายได้ตามกลไกของร่างกาย ไม่ทิ้งสารตกค้าง และได้รับการรับรองจาก อย. ไทย สหรัฐอเมริกา และมาตรฐานยุโรป (CE Mark) ค่ะ

Juvelook ปลอดภัยไหม?

Juvelook เป็นหัตถการที่ปลอดภัยโดยผ่านการรับรองจาก อย. ไทย อย. เกาหลี (KFDA) และมาตรฐานยุโรป (CE Mark) ค่ะ นอกจากนี้ยังเป็นย่อยสลายเองได้โดยไม่ทิ้งสารตกค้างค่ะ 

หลังฉีด Juvelook ต้องพักหน้าไหม แต่งหน้าได้ไหม?

หลังฉีด Juvelook ควรงดแต่งหน้า 24 ชั่วโมงเพื่อลดความเสี่ยงการติดเชื้อค่ะ

EY Clinic เป็นคลินิกที่เชี่ยวชาญด้านสิว หลุมสิว และ โรคผิวหนัง

ที่ ey clinic เราเชื่อว่าการดูแลผิวที่ดี เริ่มต้นจากความเข้าใจในปัญหาของแต่ละคน ทีมแพทย์ของเรานำโดย พญ.พัจนภา เวชอนุรักษ์ (หมอผึ้ง) แพทย์เฉพาะทางผิวหนัง จากสถาบันโรคผิวหนัง พร้อมด้วยทีมแพทย์ที่มีประสบการณ์รวมกันมากกว่า 30 ปี* ในการดูแลปัญหาผิวหลากหลายรูปแบบ ทั้งสิว หลุมสิว ฝ้า ปรับรูปหน้า และ โรคผิวหนัง

เราให้ความสำคัญกับการวินิจฉัยอย่างแม่นยำ เพื่อออกแบบแนวทางการรักษาเฉพาะบุคคล โดยอิงจากหลักวิชาการทางการแพทย์เป็นหลัก ไม่ใช้การโฆษณาเกินจริง และไม่แนะนำสิ่งที่เกินความจำเป็น

คุณหมอและทีมให้คำปรึกษาอย่างตรงไปตรงมา ดูแลอย่างต่อเนื่อง พร้อมติดตามผลเพื่อให้ผิวของคุณแข็งแรงขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ ภายใต้บรรยากาศที่เป็นกันเอง สะดวก และเชื่อถือได้

Review การฉีด Profhilo ที่ EY Clinic

Review การฉีด Juvelook ที่ EY Clinic

acne & acne scar expert
เรามีทรีตเมนต์หลากหลายที่ออกแบบมาเพื่อส่งเสริมสุขภาพโดยรวมของคุณ ตั้งแต่การดูแลผิวไปจนถึงโภชนาการ เรามีทุกสิ่งที่คุณต้องการเพื่อให้คุณรู้สึกดีที่สุด