Profhilo vs Sculptra - เจาะลึกความแตกต่างของ 2 ตัวกระตุ้นคอลลาเจน

ในปัจจุบัน เรามีหัตถการช่วยกระตุ้นคอลลาเจนอยู่มากมายค่ะ ไม่ว่าจะเป็นเลเซอร์หรือสารกระตุ้นอย่าง Biostimulator ในบทความนี้ หมอผึ้งจึงจะมาอธิบายถึงความแตกต่างของ Profhilo vs Sculptra สองตัวเลือกในการจบปัญหาริ้วรอยและความหย่อนคล้อย ที่กำลังได้รับความนิยมค่ะ
สรุปสาระสำคัญ
- Profhilo และ Sculptra มีความสามารถในการกระตุ้นคอลลาเจน และถือเป็น Biostimulator ที่มีประสิทธิภาพทั้งคู่
- Profhilo มีส่วนประกอบเป็น Hyaluronic acid ออฤทธิ์ในทั้งผิวชั้นหนังกำพร้าและชั้นลึก ในขณะที่ Sculptra เป็น PLLA ออกฤทธิ์ในชั้นลึกเท่านั้น
- Profhilo ช่วยเติมความชุ่มชื้น ยกกระชับ และการฟื้นฟูคุณภาพผิวโดยรวม ในขณะที่ Sculptra เน้นการเพิ่มวอลลุ่มให้ผิวตึงกระชับ และดูอ่อนวัยในระยะยาว
- Profhilo อยู่ได้นาน 6-12 เดือน ในขณะที่ Sculptra อยู่ได้นานถึง 2 ปี
- Profhilo ควรฉีดอย่างน้อย 2 ครั้ง ไม่ต้องใช้เวลาพักฟื้น และจะเริ่มให้ผลลัพธ์ในช่วง 1-2 เดือนหลังฉีด
- Sculptra ควรฉีดอย่างน้อย 3 ครั้ง อาจมีรอยช้ำหรือบวมหลังฉีด และให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนจะใช้เวลานานกว่า
- ทั้ง Profhilo และ Sculptra สามารถช่วยรักษาหลุมสิวได้
Profhilo คืออะไร
Profhilo [โปร-ฟิ-โล] คือ ไฮยาลูรอนิก แอซิดโมเลกุลพิเศษที่มีความบริสุทธิ์สูง ที่มีคุณสมบัติในการกระตุ้นเซลล์ผิวค่ะ ซึ่งต่างกับฟิลเลอร์ไฮยาทั่วไปตรงที่ Profhilo จะมีเนื้อที่เหลว เมื่อฉีดแล้ว จะไม่ขึ้นรูปหรือเติมวอลลุ่มให้ผิว แต่จะเป็นการบูสต์ผิวให้มีสุขภาพดี กระชับด้วยคอลลาเจนและอีลาสตินที่มากขึ้นโดยไม่ปรับเปลี่ยนรูปหน้าค่ะ
Profhilo ดีไหม ช่วยเรื่องอะไรบ้าง
Profhilo ฟื้นฟูคุณภาพผิวผ่านการปรับโครงสร้างผิวค่ะ (Bio-remodeling) โดยจะกระตุ้นการผลิตคอลลาเจน ชนิดที่1,3,4 และ อีลาสตินในทุกชั้นผิว ซึ่งช่วยให้ผิวมีความกระชับ ยืดหยุ่น และอิ่มน้ำ อีกทั้งยังช่วยเสริมความแข็งแรงให้เกราะป้องกันผิวทางธรรมชาติด้วยค่ะ
Profhilo ช่วยแก้ปัญหาริ้วรอยก่อนวัย ผิวหย่อนคล้อย และผิวแห้งกร้านได้อย่างมีประสิทธิภาพค่ะ เนื่องจากมวลคอลลาเจนและอีลาสตินที่มากขึ้น จะช่วยล็อกความชุ่มชื้นและยกกระชับผิว อีกทั้งยังช่วยซ่อมแซมผิวที่ถูกทำร้ายจากแสงแดดและมลภาวะ ช่วยลดรอยดำ-รอยแดง และปรับผิวให้มีความกระจ่างใสยิ่งขึ้นค่ะ
- ตำแหน่งที่ฉีดได้: การฉีด Profhilo สามารถทำได้ทั่วใบหน้า เพื่อปรับสภาพผิวและลดริ้วรอยค่ะ และฉีดเพื่อลดความหย่อนคล้อยบริเวณลำคอ มือ แขน ขา และหน้าท้องได้ค่ะ
- จำนวนครั้ง: ควรฉีดติดต่อกันอย่างน้อย 2 ครั้ง โดยเว้นระยะห่างครั้งละ 1 เดือน
- อายุของผลลัพธ์: ผลลัพธ์ของ Profhilo ยาวนาน 6-12 เดือน โดยจะเห็นความเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนในช่วง 1-2 เดือนหลังฉีด และสามารถฉีดกระตุ้นได้ทุก ๆ 6 เดือนค่ะ
Sculptra คืออะไร
Sculptra คือสาร Poly-L-Lactic (PLLA) ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนเช่นกันค่ะ โดยตัว PLLA เป็นสารตัวเดียวกับไหมละลายที่ใช้ในการเย็บแผลผ่าตัดที่เริ่มถูกใช้เพื่อความงามมาตั้งแต่ปี 1993 ทำให้เรามั่นใจได้ในเรื่องความปลอดภัยและประสิทธิภาพค่ะ
การทำงานของ Sculptra ก็คล้ายคลึงกับ Profhilo ค่ะ โดยจะกระตุ้นเซลล์ไฟโบรบลาสต์ในผิวชั้นลึกให้ผลิตคอลลาเจนออกมามากขึ้น โดยพบว่า เพียง 3 เดือนหลังฉีดแล้ว ปริมาณคอลลาเจนใต้ชั้นผิวเพิ่มขึ้นถึง 66.5% ค่ะ
Sculptra ดีไหม ช่วยอะไรบ้าง
Sculptra ช่วยเพิ่มปริมาณคอลลาเจนใต้ชั้นผิวด้วยกลไกธรรมชาติ ซึ่งช่วยปัญหาริ้วรอยร่องลึกและร่องตื้นได้ดีค่ะ นอกจากนี้ยังช่วยให้ผิวมีความอิ่มแน่น แข็งแรง และชุ่มชื้นเนื่องจากมวลคอลลาเจนที่เพิ่มมากขึ้น
การฉีด Sculptra ยังเป็นตัวช่วยในการยกกระชับผิว เหมาะกับคนที่กังวลเรื่องริ้วรอยและความหย่อนคล้อยจากอายุ เพราะเมื่ออายุมากขึ้น ความสามารถในการผลิตคอลลาเจนก็น้อยลงไปด้วย Sculptra ก็ถือเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์มาก ๆ ค่ะ
- ตำแหน่งที่ฉีดได้: บริเวณหน้าแก้ม ขากรรไกร คาง และขมับ
- จำนวนครั้ง: ควรฉีดติดต่อกันอย่างน้อย 3 ครั้ง เว้นระยะห่างครั้งละ 4 สัปดาห์
- อายุของผลลัพธ์: ผลลัพธ์ของของการฉีด Sculptra อยู่ได้ยาวนานถึง 18-24 เดือน โดยจะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงได้ในช่วง 2-3 สัปดาห์หลังฉีด และสามารถฉีดกระตุ้นได้ปีละ 1 ครั้งเพื่อคงผลลัพธ์ค่ะ
Profhilo และ Sculptra กับประสิทธิภาพในการรักษาหลุมสิว
ทั้ง Profhilo และ Sculptra เป็น Biostimulator ที่ช่วยแก้ปัญหาหลุมสิวได้ค่ะ โดยทั้งสองหัตถการสามารถทำร่วมกับวิธีรักษาหลุมสิวอื่น ๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษาค่ะ
โดยงานวิจัยของ Journal of Cosmetic Dermatology พบว่า การฉีด Profhilo ควบคู่ไปกับ การตัดพังผืด (Subcision) ให้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจต่อผู้รักษามากกว่าถึง 2 เท่า (นับจาก VAS score) เมื่อเทียบกับการรักษาด้วย Subcision เพียงอย่างเดียวค่ะ
ส่วน Sculptra สามารถเพิ่มปริมาณคอลลาเจนใต้ชั้นผิวได้ถึง 66.5% ซึ่งเมื่อทำควบคู่กับเลเซอร์หลุมสิว อย่าง Venus Viva MD จะช่วยกระตุ้นกระบวนการสมานแผล ฟื้นฟูผิว และช่วยให้ผิวหลุมสิวดูจางลงได้ค่ะ โดยเฉพาะหลุมสิวประเภท rolling และ boxcar ค่ะ
โดย EY Clinic เป็นคลินิกที่เชี่ยวชาญด้านการปัญหาผิว และหลุมสิว มียอดการใช้หัวเลเซอร์ Venus Viva MD สูงที่สุดในปี 2024 และมีคอร์สรักษาหลุมสิวที่ครอบคลุม ตรงจุด การันตีความพึงพอใจค่ะ
ความแตกต่างของ Profhilo vs Sculptra
ความแตกต่างที่ชัดเจนที่สุดของ Profhilo vs Sculptra อยู่ที่ส่วนประกอบและการทำงานค่ะ โดย Profhilo คือ ไฮยาลูรอนิก แอซิดที่โมเลกุลพิเศษ ที่สามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินได้ในทุกชั้นผิว ผลลัพธ์เน้นไปที่การปรับโครงสร้างและคุณภาพผิว ในขณะที่ Sculptra คือ PLLA หรือสารตัวเดียวกับไหมละลาย ที่กระตุ้นคอลลาเจนในผิวชั้นลึกอย่างมีเพื่อเน้นการเติมเต็มและยกกระชับค่ะ
โดยหมอผึ้งได้สรุปความแตกต่างของ Profhilo vs Sculptra ไว้ในตารางนี้แล้วค่ะ
เปรียบเทียบ Profhilo vs Sculptra - ตัวไหนดีกว่ากัน
หากถามว่า Profhilo vs Sculptra ตัวไหนดีกว่ากัน หมอคิดว่า ขึ้นอยู่กับผลลัพธ์ที่เราอยากได้ค่ะ โดย Profhilo ออกแบบมาเพื่อเติมความชุ่มชื้น ยกกระชับ และการฟื้นฟูคุณภาพผิวโดยรวม รวมทั้งการฟื้นฟูหลุมสิว ในขณะที่ Sculptra เหมาะกับคนที่ต้องการเพิ่มวอลลุ่มให้ผิวตึงกระชับ และดูอ่อนวัยในระยะยาวค่ะ
สำหรับคนที่กำลังตัดสินใจเลือกระหว่าง Profhilo vs Sculptra หมอผึ้งคิดว่า การปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะช่วยให้เราตัดสินใจตรงนี้ได้ง่ายขึ้นค่ะ โดยที่ EY Clinic จะมีการประเมินสภาพผิวและพูดคุยถึงผลลัพธ์ที่ต้องการก่อนเริ่มการรักษา และมีการวางแผนการรักษาให้เหมาะกับตัวบุคคลโดยไม่ยัดเยียดคอร์สที่ไม่จำเป็นแน่นอนค่ะ
EY Clinic เป็นคลินิกที่เชี่ยวชาญด้านสิว หลุมสิว และ ชะลอวัย
เพราะเรา คือ ทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์รวมกันมากกว่า 30 ปี นำทีมโดย หมอผึ้ง (พญ.พัจนภา เวชอนุรักษ์) แพทย์ผิวหนังเฉพาะทาง สถาบันโรคผิวหนัง Board of Dermatology and Dermatosurgery และ หมอโบว์ (พญ. พันธลี ชื่นสัมพันธ์) เวชศาสตร์ชะลอวัย American Board of Anti-Aging & Regenerative Medicine แพทยศาสตรบัณฑิตโรงพยาบาลรามาธิบดี ยินดี ให้คำปรึกษาและช่วยดูแลให้ผิวของคุณมีสุขภาพดีมากขึ้นค่ะ
แวะเข้ามาปรึกษาคุณหมอ ได้ที่ EY Clinic หรือ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ @EYClinicTH ค่ะ