ฉีด Juvelook ใต้ตา ฟื้นฟูผิวและเติมความสดใส ด้วย Hybrid Biostimulator

Juvelook เป็นไหมน้ำชนิดหนึ่ง ที่มีคุณสมบัติของ Skin Booster ที่ให้ความชุ่มชื้นกับผิวและ Biostimulator ที่กระตุ้นคอลลาเจนใต้ชั้นผิวค่ะ การฉีด Juvelook ในบริเวณใต้ตา จึงเป็นอีกหนึ่งวิธีแก้ปัญหารอยเหี่ยวย่นใต้ตา ร่องน้ำตา และขอบตาคล้ำ ที่มักทำให้ใบหน้าของเราดูโทรมและเหนื่อยล้าค่ะ
สรุปสาระสำคัญ
- Juvelook ประกอบด้วย ไฮยาลูรอนิก แอซิด (HA) และ PDLLA
- Juvelook ให้ผลลัพธ์ 2 รูปแบบ:
1. ให้ความชุ่มชื้นกับผิวทันที
2. กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนเพื่อฟื้นฟูผิวในระยะยาว - การฉีด Juvelook ใต้ตาช่วยแก้ปัญหาริ้วรอย ร่องน้ำตา ใต้ตาหย่อน และใต้ตาคล้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- การฉีด Juvelook ใต้ตา คือหัตถการที่เน้นฟื้นฟูผิวใต้ดวงตาให้แข็งแรง ในขณะที่ฟิลเลอร์ใต้ตา จะเน้นไปที่การเติมปริมาตรให้ผิวใต้ตาเพื่อลดริ้วรอย
Juvelook คืออะไร

Juvelook คือ Hybrid Biostimulator ที่ประกอบด้วยไฮยาลูรอนิก แอซิด (Hyaluronic acid หรือ HA) และ โพลีดีแลคติก แอซิด (Poly-d,l-lactic acid หรือ PDLLA) โดยให้ผลลัพธ์เป็น 2 รูปแบบ คือ 1. เมื่อฉีดแล้ว ผิวมีความชุ่มชื้นและอิ่มน้ำมากขึ้นทันที ด้วยไฮยาลูรอนิก แอซิด 2.PDLLA กระตุ้นให้ผิวผลิตคอลลาเจนและเส้นใยต่าง ๆ มากขึ้น ทำให้ผิวแน่นฟูและแข็งแรงขึ้นในระยะยาวค่ะ
โมเลกุลของไฮยาลูรอนิก แอซิดใน Juvelook ยังเป็นแบบ Non-crosslinked มีเนื้อที่เหลวและไม่ขึ้นรูป ทำให้ไม่ต้องกังวลว่าฉีดแล้ว ใต้ตาจะบวมหรือเป็นก้อนค่ะ
ส่วน PDLLA ใน Juvelook จะอยู่ในรูปแบบของ Microspheres ซึ่งเป็นเหมือนฟองน้ำทรงกลมที่มีรูพรุนรอบตัวค่ะ โดยโมเลกุลลักษณะนี้จะช่วยการชะลอการสลายตัวของ PDLLA ทำให้กระตุ้นคอลลาเจนในพื้นที่ที่ฉีดได้นานขึ้นค่ะ
การฉีด Juvelook ใต้ตา ช่วยอะไรบ้าง?

การฉีด Juvelook ใต้ตาช่วยลดริ้วรอย เติมร่องน้ำตา ถุงใต้ตาหย่อน และช่วยแก้ปัญหาใต้ตาคล้ำที่เกิดจากการพักผ่อนไม่เพียงพอหรือภูมิแพ้ค่ะ การฉีด Juvelook จะทำให้ผิวใต้ตามีความชุ่มชื้นและกระชับ ซึ่งช่วยให้ใบหน้าดูสดใสและสดชื่นยิ่งขึ้นค่ะ
การฉีด Juvelook ใต้ตา อันตรายไหม
การฉีด Juvelook ใต้ตามีความอันตรายน้อยมาก หากทำโดยแพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนังและใช้ตัวยาที่เป็นของแท้ค่ะ โดยไฮยาลูรอนิก แอซิดและ PDLLA ใน Juvelook เป็นสารประกอบที่มีความเข้ากันได้ทางชีวภาพกับเซลล์ (Biocompatibility) สามารถย่อยสลายได้ตามกลไกธรรมชาติ และมีผลข้างเคียงน้อยมากค่ะ
แต่เพราะบริเวณใต้ตาเป็นพื้นที่ที่มีความบอบบาง ต้องอาศัยความแม่นยำสูง เราจึงควรเข้ารับบริการกับคลินิกที่ได้มาตรฐาน และมีแพทย์เป็นผู้ดำเนินหัตถการ เพื่อความปลอดภัยค่ะ
เปรียบเทียบ Juvelook ใต้ตา vs ฟิลเลอร์ใต้ตา

การฉีด Juvelook ใต้ตาเป็นการฟื้นฟูผิวใต้ตาผ่านการกระตุ้นคอลลาเจน ในขณะที่ฟิลเลอร์ใต้ตาจะเน้นไปที่การเติมวอลลุ่มให้ผิวด้วยไฮยาลูรอนิก แอซิดค่ะ
ทั้งฟิลเลอร์ และ Juvelook สามารถช่วยลดริ้วรอยใต้ตาและเติมร่องน้ำตาให้ดูกระชับขึ้นได้ อีกทั้งยังช่วยลดปัญหาขอบตาคล้ำ แต่ทั้งสองหัตถการจะก็มีสารประกอบ วิธีการทำงาน ความโดดเด่น และข้อดี-ข้อเสียที่ต่างกันค่ะ
องค์ประกอบ
- Juvelook: ประกอบด้วยไฮยาลูรอนิก แอซิดแบบ non-crosslinked ที่ถูกออกแบบมาเพื่อให้ความชุ่มชื้นโดยเฉพาะ และ PDLLA ที่มีคุณสมบัติในการกระตุ้นคอลลาเจน อีลาสติน และโครงสร้างตาข่ายหุ้มเซลล์ (Extracellular Matrix หรือ ECM)
- ฟิลเลอร์: ประกอบด้วยไฮยาลูรอนิก แอซิดแบบ crosslinked ที่มีความคงตัวและขึ้นรูปได้ ทำให้เติมเต็มปริมาตรของผิวได้ดี พร้อมทั้งช่วยเก็บความชุ่มชื้นในตัว
วิธีการทำงาน
- Juvelook ใต้ตา: เติมความชุ่มชื้นให้ผิวด้วยไฮยาลูรอนิก แอซิด และฟื้นฟูผิวจากภายในผ่านกระตุ้นคอลลาเจนด้วยสาร PDLLA
- ฟิลเลอร์ใต้ตา: เติมเต็มวอลลุ่มให้ผิวใต้ตาด้วยไฮยาลูรอนิก แอซิด
ผลลัพธ์
- Juvelook ใต้ตา: ผิวใต้ตามีความชุ่มชื้นขึ้น PDLLA ใช้เวลา 3-4 สัปดาห์ในการกระตุ้นการผลิตคอลลาเจน อีลาสติน และ ECM ให้ผลลัพธ์เป็นผิวใต้ตาที่กระชับ เต่งตึง และดูสุขภาพดีอย่างเป็นธรรมชาติยาวนาน 12-18 เดือน หรือนานถึง 2 ปี
- ฟิลเลอร์ใต้ตา: เห็นผลได้ทันที โดยไฮยาลูรนิก แอซิดช่วยเติมปริมาตรให้ผิวใต้ตาดูอิ่มฟูมากขึ้นทันที พร้อมให้ความชุ่มชื้น โดยผลลัพธ์มีอายุเฉลี่ยที่ 6-12 เดือน โดยจะขึ้นอยู่กับยี่ห้อและรุ่นของฟิลเลอร์
จำนวนครั้ง
- Juvelook ใต้ตา: ควรทำติดต่อกัน 2-3 ครั้ง โดยเว้นระยะห่างครั้งละ 3-4 สัปดาห์
- ฟิลเลอร์ใต้ตา: โดยส่วนมาก ทำเพียง 1 ครั้ง
ข้อดีและข้อเสีย
- Juvelook ใต้ตา
- ช่วยฟื้นฟูผิวให้แข็งแรงจากภายในด้วยคอลลาเจน อีลาสติน และ ECM
- ให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติและอยู่ได้นาน
- ฉีดแล้วไม่เป็นก้อนและไม่ไหลไปยังส่วนอื่นของใบหน้า
- ต้องใช้เวลาประมาณ 1 เดือนกว่าจะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน
- ฟิลเลอร์ใต้ตา
- เห็นผลลัพธ์ได้ทันที
- สามารถฉีดสารเพื่อสลายฟิลเลอร์ได้ หากไม่พอใจกับผลลัพธ์
- ฟิลเลอร์อาจจับเป็นก้อนหรือไหลไปยังส่วนอื่นของใบหน้า
- ผลลัพธ์อยู่ได้สั้นกว่า อีกทั้งยังขึ้นอยู่กับการยี่ห้อของฟิลเลอร์และการดูแลของบุคคล
หมอขอสรุปว่า ฟิลเลอร์จะเหมาะกับคนที่มีปัญหาใต้ตาลึกและริ้วรอยที่ต้องการแก้ปัญหาแบบรวดเร็ว ส่วน Juvelook จะเหมาะกับคนที่มีปัญหาตาคล้ำ ใต้ตาหย่อน ที่ต้องการฟื้นฟูผิวให้แข็งแรงและสุขภาพดีในระยะยาวค่ะ อย่างไรก็ดี หมอแนะนำว่า เราควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนจะตัดสินใจเลือก เพื่อให้ได้รับการรักษาที่เหมาะสมที่สุดค่ะ
รีวิวจากผู้รับบริการจริง




ฉีด Juvelook ใต้ตา ราคาเท่าไร
- Juvelook 1cc ราคา 3,999
- Juvelook 3cc ราคา 8,999
วิธีเช็ค Juvelook ว่าเป็นของแท้

วิธีเช็ค Juvelook
- ตรวจสอบ QR Code ซึ่งต้องขูดก่อนเพื่อทำสแกน QR Code บนสติ๊กเกอร์ฮาโลแกรมที่ติดด้านข้างกล่อง เมื่อสแกนแล้วจะขึ้นรูปภาพเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ และมีเครื่องหมายติ๊กถูก หากเป็นกล่องที่สแกนซ้ำจะขึ้นเป็นรูปกากบาท ไม่ควรใช้บริการ
- กล่องเป็นแพ็กเกจใหม่ที่ออกแบบสำหรับจำหน่ายภายในประเทศไทยเท่านั้น เพื่อให้ผู้รับบริการสังเกตผลิตภัณฑ์ของแท้ได้สะดวกมากขึ้น
- ด้านข้างกล่องต้องมีโลโก้ บริษัท จูวีเทค จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย
- ด้านข้างกล่องต้องระบุวิธีการเก็บรักษา คำเตือน ชื่อและที่ตั้ง สถานที่นำเข้าเป็นภาษาไทย อย่างชัดเจน
- ด้านข้างกล่องต้องระบุใบอนุญาตขึ้นทะเบียนเครื่องมือแพทย์
ฉีด Juvelook ฟื้นฟูผิวใต้ตาที่ EY Clinic
Juvelook เป็นตัวเลือกในการบูสต์ผิวที่มีประสิทธิภาพค่ะ โดยคนที่กำลังสนใจอยากฉีด Juvelook เพื่อแก้ปัญหาผิวใต้ตา หรือยังไม่แน่ใจว่าตัวเราเหมาะกับ Juvelook หรือไม่ ก็สามารถเข้ามาปรึกษาหมอได้ที่ EY Clinic ค่ะ โดยเรามีการวางแผนและออกแบบการรักษาให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคล ให้การดูแลอย่างเป็นมืออาชีพ และมีการติดตามผลเพื่อการันตีความพึ่งพอใจค่ะ
EY Clinic เป็นคลินิกที่เชี่ยวชาญด้านสิว หลุมสิว และ โรคผิวหนัง

เพราะเรา คือ ทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์รวมกันมากกว่า 30 ปี นำทีมโดย หมอผึ้ง (พญ.พัจนภา เวชอนุรักษ์) แพทย์ผิวหนังเฉพาะทาง สถาบันโรคผิวหนัง Board of Dermatology and Dermatosurgery ยินดีให้คำปรึกษาและช่วยดูแลให้ผิวของคุณมีสุขภาพดีมากขึ้นค่ะ
แวะเข้ามาปรึกษาคุณหมอ ได้ที่ EY Clinic หรือ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ @EYClinicTH ค่ะ