เหนื่อยล้า ผมร่วง ไม่สดใส ใช่อาการของการขาดวิตามินหรือไม่
เราคงได้ยินกันมาตั้งแต่เล็กว่า ผักผลไม้อุดมไปด้วยวิตามินที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย แต่เคยสงสัยไหมคะ ว่าวิตามินคืออะไรกันแน่ แล้ววิตามินแต่ละตัวมีหน้าที่อะไร หากขาดวิตามิน จะมีอาการแบบไหน และอะไรทำให้เราขาดวิตามิน มาหาคำตอบกันในบทความนี้ค่ะ
วิตามิน (Vitamin) คืออะไร
หมอคิดว่า เราคงคุ้นชินกับคำพูดประมาณว่า ผักผลไม้อุดมไปด้วยวิตามินที่มีประโยชน์ต่อร่างกายนะคะ แต่จริงๆ แล้ววิตามินคืออะไรกันแน่ อธิบายง่ายๆ วิตามิน (Vitamin) ก็คือ สารประกอบที่จำเป็นต่อการทำงานของร่างกายตั้งแต่ระดับเซลล์ และจัดเป็น Micronutrient หรือสารอาหารที่ไม่ให้พลังงาน ร่างกายมีความต้องการในปริมาณที่ไม่มาก แต่หากร่างกายขาดวิตามินแล้วก็จะทำงานได้อย่างไม่เต็มประสิทธิภาพ และหากขาดวิตามินเป็นเวลานานก็อาจจะทำให้ร่างกายบกพร่องได้ค่ะ
วิตามิน แบ่งออกเป็นกี่ประเภท
เราจำแนกวิตามินออกเป็น 2 ประเภทด้วยกันค่ะ
วิตามินประเภทละลายน้ำ (Water-soluble) ได้แก่ วิตามิน B ทุกชนิด และวิตามิน C
วิตามินที่ละลายในน้ำถูกดูดซึมที่ผ่านลำไส้เล็ก เข้ากระแสเลือดโดยตรง กักเก็บในร่างกายได้ในปริมาณที่ไม่เยอะมาก และถูกขับออกจากร่างกายได้ง่าย
วิตามินประเภทละลายในไขมัน (Fat-soluble) ได้แก่ วิตามิน A วิตามิน D วิตามิน E และ วิตามิน K
วิตามินที่ละลายในไขมันจะถูกดูดซึมพร้อมกับไขมัน และกักเก็บในเซลล์ไขมันของร่างกาย ทำให้เก็บได้ในปริมาณที่เยอะและเป็นเวลานาน
เรามาดูวิตามินที่จำเป็นต่อร่างกาย และบทบาทคร่าวๆ ของวิตามินแต่ละตัวกันค่ะ
วิตามิน A (Retinol) มีความจำเป็นต่อการมองเห็น ระบบภูมิคุ้มกัน และสุขภาพผิว พบมากในเนื้อปลา ตับ และผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของนม
วิตามิน B ที่จำเป็นต่อร่างกายมีอยู่ด้วยกัน 8 ชนิด
- B1 (thiamin) มีบทบาทในการทำงานของระบบประสาท
- B2 (riboflavin) มีความสำคัญต่อกระบวนการผลิตเม็ดเลือดแดง
- B3 (niacin) มีความสำคัญต่อการซ่อมแซม DNA
- B5 (pantothenic acid) มีความจำเป็นต่อการผลิตฮอร์โมนต่าง ๆ ในร่างกาย
- B6 (pyridoxine) มีความจำเป็นต่อการผลิตสารสื่อประสาทและการสื่อสารระหว่างเซลล์ประสาท
- B7 (biotin) ช่วยเรื่องการเผาผลาญ และดูแลรักษาระบบประสาท พบได้ในถั่ว ไข่แดง และผักบางชนิด
- B9 (folate หรือ folic acid) มีบทบาทในเรื่องของการผลิตและซ่อมแซมดีเอ็นเอ ช่วยในการผลิตเม็ดเลือดแดง และจำเป็นต่อการพัฒนาของทารกในครรภ์ พบได้มากในผัก เช่น ดอกกระหล่ำ บรอกโคลี และผักโขม
- B12 (cyanocobalamin) มีความสำคัญต่อกระบวนการผลิตเม็ดเลือดแดงและการทำงานของระบบประสาท พบได้ในเนื้อสัตว์ เนื้อปลา และผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของนม
วิตามิน C (Ascorbic acid) เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ มีบทบาทในระบบภูมิคุ้มกัน และจำเป็นต่อการสร้างคอลลาเจน พบมากในผลไม้ตระกูลส้ม เบอร์รี่ และผักใบเขียว
วิตามิน D (Calciferols) มีความจำเป็นต่อการดูดซึมแคลเซียมในร่างกาย ช่วยเสริมสร้างให้กระดูกแข็งแรง มีความสำคัญต่อระบบภูมิคุ้มกัน และมีผลต่ออารมณ์
วิตามิน E (Tocopherol) เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง และช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว พบได้มากในถั่ว และผักใบเขียว
วิตามิน K (Phylloquinone) มีความสำคัญต่อการแข็งตัวของเลือด ระบบเลือด และกระดูก พบได้มากในผักใบเขียว
สาเหตุของการขาดวิตามิน
ทานอาหารไม่ครบ 5 หมู่
จะเห็นได้ว่าวิตามินที่ร่างกายต้องการจะอยู่ในอาหารหลากหลายประเภท ซึ่งการทานอาหารให้ครบ 5 หมู่โดยมีความหลากหลายของอาหารในแต่ละมื้อจะทำให้เราได้รับวิตามินอย่างครบถ้วน แต่ในปัจจุบัน ไลฟ์สไตล์ที่เร่งรีบอาจจะไม่เอื้ออำนวยต่อการทานอาหารที่มีความหลากหลาย และการทานผักผลไม้อาจจะเป็นสิ่งที่หลายๆ คนมองข้ามไปค่ะ
ทานอาหารที่ผ่านกระบวนการผลิต (Processed food)
อาหารที่ผ่านกระบวนการผลิตอย่าง เช่น อาหารกระป๋อง อาหารแช่แข็ง ซีเรียล ไส้กรอก ขนมหวาน และขนมขบเคี้ยว ย่อมมีคุณค่าทางอาหารน้อยกว่าอาหารสด แต่มักเป็นตัวเลือกที่ง่ายสำหรับคนที่ไม่ค่อยมีเวลาทำอาหาร และเป็นสาเหตุที่ทำให้ร่างกายขาดวิตามินหากรับประทานเป็นประจำค่ะ
การดื่มแอลกอฮอล์
แอลกอฮอล์มีฤทธิ์ต่อต้านการดูดซึมของวิตามินค่ะ คนที่ดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมากและเป็นประจำมักจะขาดวิตามิน A,วิตามิน B6, Folate และ Thiamine ค่ะ
การใช้ยาบางประเภท
ยาบางประเภทส่งผลทำให้ร่างกายขาดวิตามินได้ค่ะ อาทิ เช่น Wafarin ซึ่งเป็นยาต้านการแข็งตัวของเลือดสำหรับผู้ที่มีโรคหัวใจเต้นไม่ปกติ โรคเส้นเลือดขอด และผู้ที่ใส่ลิ้นหัวใจเทียม อาจทำให้ผู้ที่ใช้ยาขาดวิตามิน E และวิตามิน K ซึ่งในกรณีนี้ จำเป็นต้องใช้วิตามินอาหารเสริม (Vitamin Supplement) เข้ามาเป็นตัวช่วย และควรมีพบแพทย์ตามนัดอย่างสม่ำเสมอค่ะ
อายุและปัจจัยทางพันธุกรรม
อายุที่มากขึ้นทำให้ความสามารถในการย่อยและดูดซึมอาหารลดลง และปัจจัยทางพันธุกรรมก็อาจะส่งผลทำให้ร่างกายดูดซึมวิตามินและสารอาหารต่าง ๆ ได้น้อยค่ะ ซึ่งวิตามินอาหารเสริมก็จะช่วยแก้ปัญหาตรงนี้ได้ค่ะ
สัญญาณของการขาดวิตามิน อาการแบบไหนที่ควรเฝ้าระวัง
สัญญาณของการขาดวิตามินที่พบได้บ่อย มีดังนี้ค่ะ
- รู้สึกเหนื่อยล้า ไม่ค่อยมีพลังงาน
- ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ข้อและกระดูก
- ผมร่วง หรือขาดง่าย
- เล็บเปราะและฉีก
- เลือดออกตามไรฟัน
- ปากแห้งแตก มุมปากเป็นแผล หรือมีแผลในช่องปาก
โดยทั่วไปแล้ว อาการของการขาดวิตามินจะเป็นอาการที่ไม่รุนแรง ทำให้หลาย ๆ คนไม่ได้สังเกตค่ะ ซึ่งหากคุณเป็นหนึ่งในคนที่ไม่ค่อยมีเวลาให้ตัวเอง มีอาการเหนื่อยล้า ไม่สดชื่น หรือมีอาการข้างต้น สามารถลองเข้ามาพูดคุยและตรวจวัดระดับวิตามินที่ EY Clinic ได้ค่ะ
ตรวจวิตามินและแร่ธาตุ ที่ EY Clinic
โปรแกรมตรวจ Micronutrient profile + Vitamin (19) เป็นบริการทางด้าน Wellness ของ EY Clinic ซึ่งประกอบไปด้วย
- ตรวจร่างกายโดยแพทย์
- ตรวจระดับวิตามินและแร่ธาตุ 19 ชนิด
- รายงานผลและให้คำปรึกษา
ในราคา 14,999 บาท
โดยโปรแกรมนี้จะให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการทำงานของร่างกายของคุณ สำรวจดูความสมดุลของสารอาหารต่าง ๆ และนำความข้อมูลที่ได้ไปช่วยในการปรับเปลี่นพฤติกรรมเพื่อสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นค่ะ โดยจะมีหมอโบว์ แพทย์เฉพาะทางเฉพาะทางเวชศาสตร์ชะลอวัย (Anti-aging medicine) เป็นผู้ดูแลให้คำปรึกษากับคุณแบบแต่ปัจเจก ไม่มีการขายอาหารเสริมหรือทรีตเมนต์ที่ไม่จำเป็น ให้คุณเริ่มดูแลตัวเองง่ายๆ ที่ EY Clinic ค่ะ
รีวิวจากผู้รับบริการจริง
บทความนี้ได้รับการตรวจความถูกต้องของเนื้อหาโดยแพทย์เฉพาะทางด้านเวชศาตร์ชะลอวัยแล้ว