อัปเดต 2025 หลุมสิวกับรูขุมขนกว้าง ต่างกันอย่างไร รักษาด้วยวิธีไหนได้บ้าง

ข้อสงสัยที่ว่า หลุมสิวกับรูขุมขนกว้าง ต่างกันอย่างไร เป็นคำถามที่คาใจใครหลาย ๆ คนค่ะ โดยเฉพาะกับคนที่มีปัญหาหน้าเป็นหลุม และรูขุมขนไม่กระชับมาอย่างยาวนาน โดยทั้งสองปัญหานี้ มีสาเหตุและปัจจัยการเกิดที่ต่างกัน แต่สามารถรักษาร่วมกันได้ด้วยหัตถการในปัจจุบันค่ะ
สรุปสาระสำคัญ
- หลุมสิว คือ รอยแผลเป็นที่เกิดจากสิวอักเสบ ต่างจาก รูขุมขน ซึ่งเป็นองค์ประกอบหนึ่งของผิว ทำหน้าที่ลำเลียงน้ำมันจากต่อมไขมันมาสู่ผิวชั้นนอก
- คอลลาเจน คือ หัวใจสำคัญของการรักษารูขุมขนกว้าง และหลุมสิว
- วิธีการรักษารูขุมขนกว้าง และหลุมสิว สามารถทำได้ด้วยหัตถการเลเซอร์ และการฉีดสารกระตุ้นคอลลาเจน (Collagen Biostimulator)
ก่อนไปเรียนรู้ว่า หลุมสิวกับรูขุมขนกว้างต่างกันอย่างไร เรามาดูทำความเข้าใจกันก่อนว่า หลุมสิว และรูขุมขนคืออะไรค่ะ
หลุมสิว คืออะไร

หลุมสิว (Atrophic acne scars) คือ รอยแผลเป็นที่เกิดมาจากกระบวนอักเสบของสิว และกระบวนการสมานแผลที่ไม่เพียงพอค่ะ โดยระหว่างการอักเสบ เซลล์ผิวและเส้นใยโปรตีนโครงสร้างต่าง ๆ ที่ตัวสิวจะถูกทำลาย และเมื่อกระบวนการสมานแผลไม่สามารถผลิตเนื้อเยื่อชุดใหม่มาทดแทนส่วนที่หายไปได้ ผิวบริเวณนั้นก็จะเกิดเป็นแอ่งหรือหลุม ที่ทำให้ผิวหน้าของเราขระขรุ ดูไม่เรียบเนียนค่ะ
รูขุมขน คืออะไร

รูขุมขน (Pore หรือ Hair follicle) คือ ส่วนประกอบหนึ่งของผิว มีลักษณะเป็นท่อหรือรูที่เชื่อมต่อกับต่อมน้ำมัน (Sebaceous glands) ที่อยู่ใต้ชั้นผิว รูขุมขนเป็นเหมือนท่อลำเลียงน้ำมันผิว ซึ่งน้ำมันจะทำหน้าที่เคลือบผิวเพื่อลดการสูญเสียน้ำของผิวชั้นนอกค่ะ แต่หากต่อมไขมันมีความ active มากเกินไป ก็จะทำให้เกิดเป็นปัญหาผิวมันได้ค่ะ และทำให้รูขุมขนกว้างได้ค่ะ
ปัญหารูขุมขนกว้างเกิดส่วนใหญ่จะเกิดมาจากปัจจัยทางพันธุกรรม แต่ปัจจัยภายนอกก็มีส่วนค่ะ เช่น แสงแดดและมลภาวะ อีกทั้งอายุที่มากขึ้น เพราะยิ่งร่างกายเราแก่ลง ความสามารถในการผลิตคอลลาเจนก็ยิ่งน้อยลงไปด้วย ส่งผลให้ผิวขาดความยืดหยุ่นซึ่งทำให้ปัญหารูขุมขนกว้างเด่นชัดขึ้นค่ะ
ปัญหาหลุมสิว กับรูขุมขนกว้าง ต่างกันอย่างไร

หลุมสิวและรูขุมขนกว้างต่างกันตรงที่ หลุมสิว คือ รอยแผลเป็นที่เกิดมาจากสิวอักเสบ ส่วนรูขุมขนกว้าง คือ สภาพผิวที่มักเกิดมาจากพันธุกรรมค่ะ โดยหลุมสิวจะมีลักษณะเป็นเหมือนแอ่งที่มีระนาบต่ำกว่าผิวปกติ อาจมีขอบชัดเจนหรือไม่ชัดเจนก็ได้ มีความกว้างและความลึกที่แตกต่างกันออกไป โดยเฉลี่ยแล้วจะมีความกว้างที่ 1.5-4.0 มิลลิเมตรค่ะ ซึ่งหลุมสิวเป็นเพียงรอยแผลเป็นจึงจะไม่มีการอุดตันค่ะ
ส่วนรูขุมขนกว้าง จะมีลักษณะเป็นรูเปิดที่ลึก มีขอบชัดเจน และมีขนาดที่ใกล้เคียงกันทั่วใบหน้า โดยปัญหารูขุมขนกว้างมักจะมาคู่กับปัญหาผิวมัน เนื่องจากต่อมน้ำมันใต้ผิวมีความ active จึงมักนำไปสู่การอุดตันและอักเสบจนเกิดเป็นสิวได้ อีกทั้งยังเป็นบริเวณที่เกิดสิวเสี้ยน (Sebaceous filaments) ด้วยค่ะ
หน้าเป็นหลุมสิว และมีรูขุมขนกว้าง สามารถรักษาได้ไหม

ถึงปัญหาหลุมสิว และรูขุมขนกว้างจะมีสาเหตุที่แตกต่างกัน แต่สิ่งที่จะช่วยแก้ปัญหาผิวทั้งสองอย่างนี้ได้ ก็คือ คอลลาเจน ค่ะ โดยคอลลาเจน (Collagen) คือ เส้นใยโปรตีนโครงสร้างที่ให้ความกระชับเต่งตึงกับผิว อีกทั้งยังเป็นตัวกักเก็บความชุ่มชื้น ทำให้ผิวยืดหยุ่น แลดูสุขภาพดีค่ะ
วิธีกระตุ้นคอลลาเจน เพื่อแก้ปัญหาหลุมสิว และรูขุมขนกว้าง ก็มีอยู่หลากหลายวิธีค่ะ โดยหมอขอยกตัวอย่าง 4 วิธี ได้แก่ เลเซอร์, Rejuran, Sculptra และ Juvelook ค่ะ
เลเซอร์
เลเซอร์ ถือเป็นหัตถการที่มีประสิทธิภาพในการจัดการปัญหาผิวมากมายค่ะ โดยจะใช้พลังงานรูปแบบต่าง ๆ (เช่น แสงสีเหลือง แสงอินฟราเรด หรือ คลื่นวิทยุ) ในการกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนใต้ชั้นผิว อีกทั้งยังทำให้เกิดการจัดเรียงตัวใหม่ของโครงสร้างผิว (Skin remodeling) ซึ่งแต่เลเซอร์แต่ละประเภทย่อมมีความโดดเด่นที่ต่างกันออกไปค่ะ
การรักษาด้วยเลเซอร์เป็นวิธีที่สะดวก มีความเสี่ยงต่ำ และมีประสิทธิภาพสูง โดยหมอจะขอยกตัวอย่างเป็น เลเซอร์หลุมสิว Fractional CO2 ซึ่งเป็นการใช้พลังงานที่แสงเลเซอร์ที่ความยาวคลื่น 10,600 นาโนเมตร และใช้ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็นตัวกลางในการแทรกเข้าสู่ชั้นผิวค่ะ ตัว Fractional CO2 จะโดดเด่นในเรื่องของ Skin Resurfacing หรือการผลัดเซลล์ผิวเก่าเพื่อกระตุ้นการส้รางคอลลาเจนและเซลล์ผิวใหม่ โดยนอกจากจะรักษารุขุมขนกว้างและหลุมสิวได้แล้ว Fractional CO2 แก้ปัญหาผิวได้อีกมากมายค่ะ เช่น สิวอุดตัน สิวข้าวสาร และริ้วรอย
เลเซอร์อีกประเภทหนึ่งมีประสิทธิภาพในการรักษารุขุมขนกว้างและหลุมสิว คือ เลเซอร์กลุ่มคลื่นวิทยุ (Radiofrequency, RF) ค่ะ โดยตัวเลือกที่โดดเด่นและได้รับความนิยมสูงก็คือ เลเซอร์หลุมสิว Venus Viva MD ที่ส่งผ่านคลื่นวิทยุด้วยหัว pin ขนาดจิ๋ว ที่ทำให้ไม่เจ็บหน้าระหว่างการรักษา มีผลข้างเคียงที่ต่ำ และใช้เวลาพักฟื้นน้อยกว่าเลเซอร์ชนิดอื่น โดยคลื่นวิทยุเมื่อเข้าไปสู่ชั้นผิวแล้ว จะแปรเปลี่ยนเป็นความร้อนซึ่งจะกระตุ้นให้เซลล์ผิวผลิตคอลลาเจนออกมามากขึ้น และปรับโครงสร้างให้ผิวแข็งแรงขึ้นค่ะ
Profhilo

Profhilo เป็นอีกหนึ่งสารที่กำลังได้รับความนิยมในการกระตุ้นคอลลาเจนเพื่อฟื้นฟูหลุมสิว (Acne Scar) และยกกระชับ (Skin Laxity) รวมค่ะ โดย Profhilo เป็นสารที่มีส่วนประกอบของไฮยาลูรอนิกแอซิด (Hyaluronic Acid) ที่มีน้ำหนักโมเลกุลทั้งสูงและต่ำผสมผสานกัน ทำงานในลักษณะ “Hybrid Cooperative Complex” ซึ่งไม่เพียงช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น แต่ยังช่วยกระตุ้นกระบวนการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินในชั้นผิว ทำให้หลุมสิวดูตื้นขึ้นและผิวกระชับมากขึ้นค่ะ
หลักการทำงานของ Profhilo ในการกระตุ้นการฟื้นฟูหลุมสิวมีดังนี้ค่ะ
- หลังจากฉีด Profhilo เข้าสู่ผิว สารไฮยาลูรอนิกแอซิดจะซึมลึกเข้าสู่ผิวชั้นกลางและกระตุ้นเซลล์ไฟโบรบลาสต์ (Fibroblast) ในการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใหม่
- ไฮยาลูรอนิกแอซิดที่มีโมเลกุลน้ำหนักต่ำ (L-HA) จะช่วยเพิ่มการสร้างเส้นเลือดและฟื้นฟูผิวจากภายใน ส่วนโมเลกุลน้ำหนักสูง (H-HA) จะช่วยสร้างโครงสร้างให้ผิวแข็งแรงขึ้นและลดความหย่อนคล้อย
- ผลลัพธ์ที่ได้คือ หลุมสิวที่ดูตื้นขึ้น ริ้วรอยลดลง และผิวหน้ามีความชุ่มชื้น กระจ่างใสมากขึ้นค่ะ
Profhilo ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในวงการความงามและได้รับการรับรองด้านความปลอดภัย โดยเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวอย่างล้ำลึกโดยไม่ต้องผ่าตัด หรือมีเวลาพักฟื้นน้อย การฉีด Profhilo เพื่อฟื้นฟูหลุมสิวและสภาพผิว ควรทำ 2 ครั้ง โดยเว้นระยะห่างครั้งละ 4 สัปดาห์ค่ะ ผลลัพธ์สามารถคงอยู่ได้นานถึง 6-12 เดือน และสามารถทำซ้ำปีละครั้งเพื่อรักษาผลลัพธ์ค่ะ
Sculptra

Sculptra เป็นสารฉีดกระตุ้น Biostimulator อีกตัวหนึ่งที่มีความโดดเด่นในเรื่องของการฟื้นฟูผิวให้กระชับ และดูอ่อนวัยค่ะ โดย Sculptra เป็นสาร PLLA (Poly-l-lactic acid) ซึ่งเป็นสารตัวเดียวกับไหมละลายที่ใช้ในวงการแพทย์มาตั้งแต่ปี 1999 และได้รับการรับรองจาก US FDA ในปี 2004 เพื่อใช้ในจุดประสงค์ด้านความงามค่ะ
Sculptra ช่วยรักษาปัญหารูขุมขนกว้าง และหลุมสิวได้ โดยจะกระตุ้นเซลล์ไฟโบรบลาสต์ให้ผลิตคอลลาเจนออกมามากขึ้นค่ะ ซึ่งเพียง 3 เดือนหลังฉีด Sculptra แล้ว ปริมาณคอลลาเจนใต้ชั้นผิวเพิ่มขึ้นถึง 66.5% ค่ะ และนอกจากปัญหาหลุมสิวและรูขุมขนกว้างแล้ว Sculptra ยังช่วยให้ริ้วรอยดูจางลง และยังฟื้นฟูผิวให้ชุ่มชื้น แข็งแรง แลดูอ่อนวัยด้วยค่ะ
ผลลัพธ์ของ Sculptra จะเริ่มเห็นได้ในช่วง 2-3 สัปดาห์หลังฉีด ซึ่งจะเป็นระยะเวลาที่ร่างกายใช้ผลิตคอลลาเจนตามกลไกธรรมชาติค่ะ และโดยทั่วไปแล้ว หมอจะแนะนำให้ฉีดอย่างน้อย 3 ครั้ง เว้นระยะห่างครั้งละ 4-6 สัปดาห์ โดยผลลัพธ์จะอยู่ในนานถึง 2 ปี และสามารถฉีดเติมเพื่อคงผลลัพธ์ได้ปีละ 1 ครั้งค่ะ
Juvelook

อีกหนึ่งวิธีรักษารูขุมขนกว้างและหลุมสิว คือ Juvelook ซึ่งเป็นสาร PDLLA กับสารไฮยาลูรอนิก แอซิดค่ะ โดย PDLLA (Poly-D, L-Lactic Acid) จัดเป็นสาร biostimulator ที่มีความคล้ายคลึงกับ PLLA ของ Sculptra เพียงแต่มีการจัดเรียงโมเลกุลที่ต่างกันเล็กน้อย ซึ่งได้รับการรับรองจาก US FDA เช่นกันค่ะ
หลักการรักษารูขุมขนกว้างและหลุมสิวของ Juvelook มีอยู่คร่าว ๆ ดังนี้ค่ะ
- Physical Support: มวลสารไฮยาลูรอนิก แอซิดเข้าไปเติมเต็มปริมาตรของผิว ช่วยให้หลุมสิวดูตื้น และผิวดูกระชับมากขึ้นตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉีด
- Restoration: หลังฉีดไปแล้ว 3-4 สัปดาห์ เซลล์ไฟโบรบลาสต์จะถูกกระตุ้นให้ผลิตเส้นใยคอลลาเจนออกมามากขึ้น
- Maintenance: PDLLA กระตุ้นคอลลาเจนอย่างต่อเนื่อง โดยจะเห็นผลลัพธ์ได้ชัดเจนที่สุดในช่วง 6 เดือนหลังฉีด
ความแตกต่างที่ชัดเจนที่สุดระหว่าง Juvelook และ biostimulator ตัวอื่น ๆ คือ เราสามารถเห็นผลลัพธ์ของ Juvelook ได้ทันทีเนื่องจากตัวไฮยาลูรอนิก แอซิดที่ทำหน้าที่เป็นสารเติมเต็มค่ะ
โดยทั่วไปแล้ว การฉีด Juvelook ควรทำติดต่อกันอย่างน้อย 3 ครั้ง เว้นระยะห่างครั้งละ 3-4 สัปดาห์ ผลลัพธ์คงอยู่ได้ 6-12 เดือน จากนั้นสามารถฉีดเพิ่มเพื่อคงผลลัพธ์ได้ปีละ 1 ครั้งค่ะ
Rejuran

รีจูรัน คือ โพลีนิวคลีโอไทด์ (Polynucleotide, PN) ที่ได้มาจากชิ้นส่วนดีเอ็นเอของปลาแซลมอน ซึ่งสามารถทำงานกับเซลล์ของมนุษย์ได้อย่างปลอดภัย โดยสาร PN มีคุณสมบัติในด้านการสมานแผล และยังเป็น สารกระตุ้นคอลลาเจนโดยธรรมชาติ (Collagen Biostimulator) ทำให้รีจูรันเป็นตัวเลือกในการฟื้นฟูผิวที่มีประสิทธิภาพมากตัวหนึ่งค่ะ โดยรีจูรันช่วยแก้ไขปัญหาได้หลากหลายค่ะ
- กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ช่วยให้ผิวมีความยืดหยุ่น กระชับรูขุมขนและช่วยให้หลุมสิวดูจางลง
- ส่งเสริมกระบวนการสร้างเซลล์ผิวใหม่ ช่วยปรับสภาพผิวและชะลอการแก่ตัวของผิว
- ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว และซัพพอร์ตสารเคลือบเซลล์ (Extracellular matrix หรือ ECM) ให้เกราะป้องกันผิวให้แข็งแรงยิ่งขึ้น
- ซ่อมแซมผิวที่ถูกทำร้ายจากแสงแดด และมลภาวะ อีกทั้งมีคุณสมบัติในการต้านการอักเสบ (anti-inflammatory effect)
การฉีดรีจูรัน นอกจากจะช่วยแก้ปัญหารูขุมขนกว้างและหลุมสิวแล้ว ยังช่วยต้านการเกิดริ้วรอย เสริมสร้างให้ผิวแข็งแรง ไม่เป็นสิวหรือแพ้ง่าย และยังคืนความสมดุลให้ผิวมีความนุ่ม ชุ่มชื้น ไม่แห้งกร้านด้วยค่ะ
โดยทั่วไปแล้ว การฉีดรีจูรันควรทำติดต่อกัน 3-4 ครั้ง โดยเว้นระยะห่าง 2-3 สัปดาห์ต่อครั้ง เราจะสามารถเห็นความเปลี่ยนแปลงได้ตั้งแต่ 3-5 วันหลังฉีดครั้งแรก และร่างกายจะใช้เวลาประมาณ 4 สัปดาห์ในการผลิตคอลลาเจนตามกลไกธรรมชาติ ก่อนจะเผยผลลัพธ์ที่ชัดเจนมากขึ้นค่ะ
Rejuran S สำหรับหลุมสิว
อย่างที่ได้กล่าวไปค่ะ ว่ารีจูรันสามารถแก้ปัญหาผิวได้อย่างหลากหลาย อย่างไรก็ดี ตัวผลิตภัณฑ์ของรีจูรัน ที่เหมาะสมสำหรับการลบเลือนรอยแผลเป็นหลุมสิวมากที่สุด จะเป็น รีจูรัน เอส (Rejuran S) ค่ะ โดยรีจูรัน เอส ก็คือสารประกอบโพลีนิวคลีโอไทด์เหมือนกับรีจูรัน ฮีลเลอร์ แต่จะมีความเข้มข้นและมีเนื้อที่หนืดกว่า และถูกออกแบบมาเพื่อการรักษาหลุมสิวโดยเฉพาะค่ะ
ซึ่งรีจูรัน เอส สามารถใช้รักษาร่วมกับหัตถการหลุมสิวอื่น ๆ เช่น เลเซอร์ ได้อย่างปลอดภัย เพียงแต่จะต้องปรึกษาแพทย์เพื่อเว้นระยะของการรักษาให้เหมาะสมค่ะ
แก้ปัญหารูขุมขนกว้าง รักษาหลุมสิว ที่ EY Clinic
ได้เรียนรู้กันไปแล้วว่า ปัญหาหลุมสิวกับรูขุมขนกว้างต่างกันอย่างไร และมีวิธีรักษาอย่างไร หมอขอเสริมค่ะว่า การแก้ไขปัญหาผิวเหล่านี้เป็นกระบวนการที่ใช้เวลาและต้องการความสม่ำเสมอ อีกทั้งยังต้องอาศัยการดูแลตัวเองในทุก ๆ วันด้วยค่ะ อย่างไรก็ดี หมอคิดว่า การที่เรามีแผนรักษาที่เหมาะสมกับตัวเอง ก็ย่อมช่วยให้การรักษามีประสิทธิภาพมากขึ้นค่ะ ซึ่งหากใครกำลังหนักใจกับปัญหาหน้าเป็นหลุมสิว หรือรูขุมขนกว้าง สามารถปรึกษากับเราได้ที่ EY Clinic ค่ะ
EY Clinic เป็นคลินิกที่เชี่ยวชาญด้านสิว หลุมสิว และ ชะลอวัย

เพราะเราคือทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์รวมกันมากกว่า 30 ปี นำทีมโดย หมอผึ้ง (พญ.พัจนภา เวชอนุรักษ์) แพทย์ผิวหนังเฉพาะทาง สถาบันโรคผิวหนัง Board of Dermatology and Dermatosurgery และ หมอโบว์ (พญ. พันธลี ชื่นสัมพันธ์) เวชศาสตร์ชะลอวัย American Board of Anti-Aging & Regenerative Medicine แพทยศาสตรบัณฑิตโรงพยาบาลรามาธิบดี ยินดี ให้คำปรึกษาและช่วยดูแลให้ผิวของคุณมีสุขภาพดีมากขึ้นค่ะ
แวะเข้ามาปรึกษาเรื่องปัญหาผิวกับเราได้ที่ EY Clinic หรือ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ @EYClinicTH ค่ะ
อ้างอิงข้อมูล
- Oh, Seyeon, et al. “Poly-D,L-Lactic Acid Stimulates Angiogenesis and Collagen Synthesis in Aged Animal Skin.” International Journal of Molecular Sciences, vol. 24, no. 9, 28 Apr. 2023, pp. 7986–7986, https://doi.org/10.3390/ijms24097986.
Why juvelook & Lenisna; What is PDLLA; https://juvelook.com/what-is-pdlla/
รีวิวจากผู้ใช้บริการจริง







