หลุมสิว เกิดจากอะไร รักษาเองได้ไหม รักษาด้วยวิธีไหนได้บ้าง
.avif)
หลุมสิว เกิดจากอะไร รักษาเองได้ไหม รักษาด้วยวิธีไหนได้บ้าง
ไม่มีใครอยากมีใบหน้าขรุขระเป็นหลุมเป็นบ่อ หมอเชื่อว่าปัญหาหลุมสิวและรอยแผลเป็นจากสิวที่ทำให้หน้าไม่เรียบเนียน ดูไม่สดใสเป็นอะไรที่ใครหลาย ๆ คนกลัว แต่สิวเป็นหนึ่งในโรคผิวหนังที่พบได้บ่อยที่สุด โดยเฉพาะในวัยรุ่น ซึ่งสิวที่หายแล้วมักทิ้งรอยแผลเป็นที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นใจของเรา ในบทความนี้ หมอผึ้งจะมาเล่าถึงสาเหตุของการเกิดแผลเป็นประเภทหลุมสิว วิธีการรักษาหลุมสิว และวิธีดูแลรักษาสิวที่จะช่วยให้หน้าเรียบเนียน ไม่เป็นหลุม
หลุมสิวคืออะไร เกิดจากสาเหตุอะไร
หลุมสิว (Atrophic acne scars) คือแผลเป็นที่มากับสิวอักเสบ มีลักษณะเป็นรอยบุ๋มต่ำเมื่อเทียบกับระนาบผิวรอบข้าง หลุมสิวเกิดจากการที่ร่างกายไม่สามารถสร้างเนื้อเยื่อและคอลลาเจนมาซ่อมแซมจุดที่อักเสบ ซึ่งสาเหตุของหลุมสิวก็มาจากการรักษาสิวที่ผิดวิธี เช่น การบีบสิว กดสิว หรือแม้แต่การปล่อยให้สิวหายเอง
หลายคนอาจจะเข้าใจว่า การปล่อยให้สิวหายเองโดยไม่ทำอะไรเป็นวิธีที่ดีที่สุด ตรงนี้หมอขอชี้แจงว่า ไม่จริง เพราะการปล่อยให้สิวหายเองก็สามารถทิ้งรอยดำ (Hyperpigmentation scar) หรือทำให้เกิดหลุมสิวได้ สิวอักเสบควรได้รับการรักษาซึ่งทำได้ด้วยการใช้ยาที่มีส่วนผสมของ Benzyl peroxide, Retinoid, หรือยาปฏิชีวนะเพื่อช่วยลดการอักเสบ ผลัดเซลล์ผิว และฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดสิว
สิวแบบไหนจะกลายเป็นหลุมสิว
สิวที่ทำให้เกิดหลุมสิวคือสิวอักเสบ (Inflammatory acne) ซึ่งแบ่งออกได้ตามลักษณะดังนี้
- สิวตุ่มแดง (Papule) - เป็นตุ่มนูนแดงแข็ง ๆ สัมผัสแล้วรู้สึกเจ็บ
- สิวหัวหนอง (Pustule) - เป็นตุ่มนูนแดงมีหนองสีขาวตรงกลาง
- สิวหัวช้าง (Nodule) - เป็นตุ่มแดงแข็งขนาดใหญ่ ภายในสิวเป็นหนองและเลือด ซึ่งอาจมีหัวเปิดเป็นหนอง (Cystic acne) เป็นสิวอักเสบรุนแรง สัมผัสแล้วรู้สึกเจ็บ และรักษาให้หายได้ยาก
ทรีตเมนต์กดสิวตามคลินิกจะทำให้เกิดเป็นหลุมสิวหรือไม่
หมอบอกก่อนว่าหัตถการการกดสิวจะทำได้กับสิวอุดตัน (Comedones) และควรทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น เพราะวิธีนี้ต้องอาศัยเทคนิค เครื่องมือ และความเชี่ยวชาญของแพทย์ในการประเมินลักษณะของสิว การกดสิวช่วยแก้ปัญหาการอุดตันได้รวดเร็วกว่าการใช้ผลิตภัณฑ์และเป็นการป้องกันไม่ให้สิวหัวขาวเปลี่ยนเป็นสิวอักเสบ แต่ถ้าทำผิดวิธีหรือทำเองที่บ้านก็มีโอกาสทำให้ปัญหาสิวรุนแรงมากขึ้นหรือเกิดเป็นแผลเป็นได้
ประเภทของหลุมสิว

หลุมสิวแอ่งกระทะ หรือ Rolling scar มีลักษณะเป็นแอ่งตื้น ไม่มีขอบที่ชัดเจน มักเกิดที่บริเวณแก้ม และสามารถกินพื้นที่ได้ถึง 5 มิลลิเมตร หลุมสิวประเภทพบได้ไม่บ่อยเมื่อเทียบกับอีกสองประเภทแต่เป็นประเภทที่รักษาได้ง่ายที่สุด
หลุมสิวแบบกล่อง หรือ Boxcar มีลักษณะเป็นกล่องหรือบ่อกว้างที่มีขอบชัดเจน ความกว้างอยู่ที่ 1.5 - 4 มิลลิเมตร ซึ่งนอกจากสิวแล้ว แผลจากตุ่มโรคอีสุกอีใสก็มักทำให้เกิดเป็นแผลแบบ Boxcar ได้
หลุมสิวแบบจิก หรือ Ice pick เป็นหลุมสิวที่รักษายากที่สุด และเป็นประเภทที่พบมากที่สุด (ุ60-70% ของแผลเป็นจากสิว) มีความลึกประมาณ 2 มิลลิเมตร ลักษณะจะเป็นแผลปากแคบ หลุมลึกและแหลมเหมือนถูกเจาะด้วยที่ตีน้ำแข็ง
หลุมสิวหายเองได้ไหม
หลุมสิวหายเองได้ยาก มีโอกาสน้อยมาก ๆ ที่จะหายเอง โดยเฉพาะหลุมสิว Boxcar และ Ice Pick เนื่องจากเนื้อเยื่อพังผิดที่ดึงรั้งบริเวณฐานหลุมเอาไว้ การบำรุงด้วยสกินแคร์จึงไม่เพียงพอในการรักษาหลุมสิว และควรมีการทำหัตถการ เช่น เลเซอร์หลุมสิว ที่มักควบคู่ไปการทำ Subcision เพื่อการรักษาที่มีประสิทธิภาพที่สุด
หลุมสิวรักษาได้ด้วยวิธีไหนบ้าง
รักษาด้วย CO2 เลเซอร์ (Laser)

เลเซอร์หลุมสิวเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมสูงในปัจจุบัน สามารถรักษาหลุมสิวระดับกลางถึงลึกได้อย่างเห็นผลชัดเจน ตัวที่ใช้กันส่วนมากและที่ EY Clinic ก็ใช้จะเป็น Carbon dioxide (CO2) Laser ซึ่งใช้ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็นตัวกลางที่ทำให้เกิดแสงเลเซอร์ มีความยาวคลื่น 10,600 นาโนเมตร แสงเลเซอร์จะเข้าไปทำให้น้ำในเซลล์และนอกเซลล์ร้อนขึ้น และทำลายผิวชั้นนอกเพื่อกระตุ้นกระบวนการสมานแผล ทำให้เซลล์เริ่มสร้างผิวและคอลลาเจนขึ้นมา
การทำรักษาหลุมสิวด้วยเลเซอร์ควรทำอย่างน้อย 3-5 ครั้งเป็นอย่างต่ำเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจน ซึ่งนอกจากหลุมสิวแล้ว รอยดำรอยแดงก็จางลง และรูขุมขนก็ยังกระชับขื้นด้วย
แต่ข้อเสียของการทำเลเซอร์รักษาหลุมสิวคือผลข้างเคียงที่ประกอบไปด้วย อาการแสบ คัน บวม ไปจนถึงการเกิดเป็นรอยด่าง โดยเฉพาะในคนที่มีผิวสีเข้ม เนื่องจากเลเซอร์จะจับกับเม็ดสีเมลานินในชั้นผิวหนังซึ่งมีมากในคนผิวเข้ม ทำให้ความเสี่ยงของผลข้างเคียงมากขึ้นตามไปด้วย
รักษาด้วยคลื่นวิทยุ (Radio-frequency หรือ RF)

วิธีนี้มีหลักการคล้ายกับการรักษาด้วยเลเซอร์ โดยจะเป็นใช้พลังงานคลื่นวิทยุที่ให้ความร้อนต่อผิวเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและซ่อมแซมเซลล์ผิว ซึ่งการรักษาด้วยเลเซอร์หลุมสิว Fractional RF จะให้ผลข้างเคียงที่เบากว่าเลเซอร์ และเวลาพักฟื้นที่สั้นกว่า
ฉีดฟิลเลอร์หลุมสิว (Dermal Filler)
ฟิลเลอร์หลุมสิวก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่คนทำกันเยอะ โดยตัวฟิลเลอร์ที่เป็นไฮยาลูรอนิก แอซิดจะถูกฉีดเข้าไปเพื่อเติมเต็มปริมาตรของชั้นผิวทำให้หลุมสิวดูตื้นขึ้นถึง 70% และทำให้ผิวดูอิ่มน้ำมีความชุ่มชื้น แต่ฟิลเลอร์ที่ใช้ฉีดเพื่อรักษาหลุมสิวต้องเป็นฟิลเลอร์ที่มีเนื้อละเอียดอ่อน ประกอบกับว่าหมอที่ดูแลจะต้องมีความเชี่ยวชาญและมีทักษะที่ดีเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ
การกรอผิว (Dermabrasion)
การกรอผิว แท้จริงแล้วก็คือการใช้เกล็ดอะลูมิเนียมออกไซด์กรอไปบนผิวเพื่อลอกผิวชั้นหนังกำพร้า (Epidermis) ออก วิธีนี้จะกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและเนื้อเยื่อใหม่ หรือก็คือการผลัดเซลล์ผิวนั่นเอง แต่การกรอผิวอาจต้องทำติดต่อกันถึง 5-10 ครั้งก่อนจะเห็นผลที่ชัดเจน และไม่เหมาะกับหลุมสิวแบบ Ice pick หรือ Boxcar นอกจากนี้นหลังกรอหน้ายังมีอาการเจ็บแสบอีกด้วย
ส่วน Microdermabrasion ก็คือการกรอผิวเช่นกันแต่จะลอกหนังกำพร้าได้น้อยกว่าหรือลอกได้ไม่ลึกเท่ากับการกรอผิวปกติ ให้ผลข้างเคียงที่เบากว่า แต่ประสิทธิภาพก็น้อยกว่าด้วย
การตัดพังผืด (Subcision)

การตัดพังผืด หรือ subcision หลุมสิว คือการรักษาหลุมสิวด้วยการใช้เข็มขนาดเล็กสอดเข้าไปใต้ฐานของหลุมสิวเพื่อเลาะพังผืด (Fibrous tissue) ออก พังผืดนี้คือเนื้อเยื่อที่ร่างกายผลิตออกมาเพื่อสมานแผลและเป็นส่วนที่ดึงรั้งผิวหนังบริเวณฐานของหลุมสิวเอาไว้ ทรีตเมนต์การตัดพังผืดเหมาะกับหลุมสิวประเภท Rolling และ Boxcar ซึ่งนิยมทำควบคู่กับการฉีดฟิลเลอร์เติมเต็มหลุมสิว
การแต้มกรด TCA Cross

การแต้มกรด TCA หลุมสิว หรือ Trichloroacetic acid เป็นการใช้กรดในการลอกผิวชั้นหนังกำพร้าออก (Chemical Peeling) เพื่อกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
การลอกผิวแบ่งได้เป็น 3 ระดับหลัก ๆ ได้แก่ การลอกผิวระดับตื้น (Superficial peeling) ระดับปานกลาง (Medium-depth peeling) และระดับลึก (Deep peeling) แต่ละระดับก็จะใช้เทคนิคและกรดที่มีความเข้มข้นต่างกัน ซึ่งนอกจาก TCA แล้วก็ยังมีกรดไกลโคลิก (Glycolic Acid) กรดซาลิไซลิก (Salicylic Acid) และฟีนอล (Phenol) ที่ใช้เป็นสารลอกผิว
วิธีเหมาะกับหลุมสิวแบบ Ice pick และ Boxcar แต่วิธีนี้อาจทำให้เกิดอาการแสบคัน ระคายเคือง และมีความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดรอยดำจากการกัดกร่อนของกรดได้
รักษาหลุมสิวด้วยรีจูรัน เอส (Rejuran S)


รีจูรันเป็นสารสกัดโพลีนิวคลีโอไทด์เข้มข้นจากปลาแซลม่อนที่ฉีดเพื่อฟื้นฟู กระตุ้นการสมานแผลและปรับสภาพผิว ตัว Rejuran S หลุมสิว ถูกพัฒนามาเพื่อแก้ไขปัญหาหลุมสิวและรอยแผลเป็นจากสิวโดยเฉพาะ และเป็นวิธีที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศไทย
รีจูรัน เอส รักษาหลุมสิวได้อย่างไร
- โพลีนิวคลีไทด์เข้าไปกระตุ้นกระบวนการผลิตเซลล์ผิวใหม่โดยจะทำงานในระดับดีเอ็นเอ และทำให้เกิดการหลั่งสาร Growth Factor ที่ช่วยสมานแผลและสร้างเนื่อเยื่อใหม่
- รีจูรันทำให้ผิวมีความแข็งแรงด้วยการทำหน้าที่เหมือนนั่งร้าน ช่วยเสริมโครงสร้างให้สารที่เคลือบเซลล์ (Extracellular matrix หรือ ECM) และยังช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจน
- กระตุ้นการสร้างเส้นเลือดฝอย (Angiogenesis) ซึ่งเพิ่มการกำจัดของเสียเซลล์ที่ตายและช่วยบำรุงให้เซลล์ผิวแข็งแรง
- มีคุณสมบัติในการลดการอักเสบของเซลล์ (Anti-inflammatory effects) และลดแผลของเซลล์ที่เกิดจากอนุมูลอิสระ
ชิ้นส่วนดีเอ็นเอของปลาแซลม่อนที่ถึงออกมานี้ได้รับการรับรองแล้วว่า ปลอดภัย มีความใกล้เคียงกับดีเอ็นเอของมนุษย์ ทำให้ทำงานเข้ากับร่างกายเราได้โดยไม่เป็นอันตราย นอกจากนี้ ด้วยความที่โพลีนิวคลีโอไทด์เป็นสารประกอบที่พบได้ตามธรรมชาติ เมื่อฉีดแล้วก็สามารถย่อยสลายได้ตามกระบวนการในร่างกายโดยไม่ทิ้งสารตกค้าง
ประสิทธิภาพของรีจูรัน เอส
หมออยากอ้างอิงถึงผลการงานวิจัยของ American Society for Laser Medicine & Surgery ที่ได้ทำการทดสอบประสิทธิภาพของโพลีนิวคคลีโอไทด์เข้มข้นในการช่วยสมานรอยแผลจากการผ่าตัดไทรอยด์ (Open Total Thyroidectomy) โดยทีมผู้วิจัยได้แบ่งคนไข้ที่เข้ารับการผ่าตัดเป็น 2 กลุ่ม
กลุ่มทดลอง - ได้รับการรักษาแผลด้วยแฟรคชันนัลเลเซอร์ (Fractional laser) บวกกับการฉีดรีจูรัน เอส
กลุ่มควบคุม - ได้รับการรักษาแผลด้วยแฟรคชันนัลเลเซอร์ (Fractional laser) บวกกับการฉีดน้ำเกลือ (Normal saline injection) ซึ่งเป็นอีกหนึ่งวิธีทางการแพทย์ที่การช่วยกระตุ้นการสมานแผล
ผลการทดสอบพบว่า หลังจากผ่าตัดแล้ว แผลบริเวณคอของคนไข้ในกลุ่มทดลองจางกว่า และสมานตัวได้ดีกว่ากลุ่มควบคุม ให้ผลลัพธ์ที่รวดเร็วกว่า และยังไม่ทำทำให้เกิดผลข้างเคียงอีกด้วย
รีจูรันจึงเป็นทรีตเมนต์ที่ที่แก้ปัญหารอยแผลเป็นได้ทำได้ง่าย สามารถทำควบคู่กับทรีตเมนต์ตัวอื่นได้ (ควรเว้นช่วงเวลาระหว่างแต่ละตัวให้เหมาะสม) และยังไม่มีต้องกังวลถึงเรื่องผลข้างเคียงหรือภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงในกลุ่มผู้ฉีดรีจูรันด้วย
ถ้ามีปัญหาสิวอยู่ จะดูแลผิวอย่างไรให้ไม่เกิดหลุมสิว
ถึงวิธีแก้ปัญหาหลุมสิวจะมีอยู่หลากหลายวิธี แต่หมอคิดว่า กันไว้ดีกว่าแก้เสมอ ฉะนั้นเราจะมีวิธีการดูแลรักษาหน้าอย่างไรให้เกิดปัญหาหลุมสิว-แผลเป็นจากสิวน้อยที่สุด
รักษาความสะอาด
ความสะอาดเป็นปัจจัยสำคัญของผิวหน้าไม่กลายเป็นแหล่งสะสมของแบคทีเรีย และเป็นสิ่งที่ทุกคนทำได้เพื่อลดปัญหาการเกิดสิว เพียงแค่ล้างหน้าอย่างสม่ำเสมอ และดูแลข้าวของเครื่องใช่ส่วนตัวให้สะอาดก็ช่วยได้
รักษาสิวให้ถูกวิธี
เมื่อเป็นมีปัญหาสิวไม่ว่าจะเป็นสิวอุดตัน สิวอักเสบ สิวฮอร์โมนหรือสิวที่เกิดจากการใช้ยากลุ่มเสตียรอยด์ หมออยากแนะนำให้เข้ารักษาหมอผิวหนังเพื่อให้ได้รับทรีตเมนต์ที่ดีที่สุด การรักษาของหมออาจจะเป็นการใช้ยาแต้มที่เป็นยาปฏิบัติชีวนะ ยากลุ่มเรตินอยด์ ยากลุ่มซาลิไซลิก แอซิด หรือเป็นการฉีดยาเพื่อยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย
บำรุงผิวอย่างต่อเนื่อง
การใช้สกินแคร์เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ป้องกันการเกิดสิวและรอยสิวได้ดีมาก เนื่องจากสกินแคร์ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้เซลล์และช่วยให้ผิวหน้าฟื้นฟูการอักเสบ นอกจากนี้การใช้สกินแคร์อย่างต่อเนื่องยังช่วยควบคุมความมันและปรับสมดุลให้เซลล์ผิว และอย่างไรก็ตาม เราต้องไม่ลืมที่จะเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับผิวของตัวเองด้วย

สุดท้ายนี้ หากคุณมีปัญหาหลุมสิว รอยดำรอยแดง หรือปัญหาสิวเรื้อรังกวนใจที่รักษาไม่หายสักที ลองมาเข้ามาคุยกับ EY Clinic หมอและทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังและเวชศาสตร์ความงามทุกคนยินดีให้คำปรึกษา เรายังเป็นคลินิกรักษาสิวอันดับ 1 ของย่านบางนาและเรามุ่งมั่นที่จะเสริมสร้างสุขภาพผิวของคุณให้แข็งแรง คืนความมั่นใจและมอบความสวยในอุดมคติให้กับคุณ
รีวิวจากผู้ใช้งานจริง
.avif)
.avif)
.avif)