รักษาหลุมสิว
Oct 21, 2024
0
min read

อัปเดต 2025 กระตุ้นคอลลาเจนหลุมสิว ทำได้ด้วยวิธีไหนบ้าง?

อัปเดต 2025 กระตุ้นคอลลาเจนหลุมสิว ทำได้ด้วยวิธีไหนบ้าง?

กระตุ้นคอลลาเจนหลุมสิว ทำได้ด้วยวิธีไหนบ้าง?

หลุมสิว คือ รอยแผลเป็นที่เกิดจากกระบวนการอักเสบของสิว และการสมานแผลที่ไม่เพียงพอ การกระตุ้นคอลลาเจนบริเวณหลุมสิว จึงเป็นวิธีที่เราจะสามารถทำได้ เพื่อให้รอยหลุมสิวดูจาง และช่วยให้ผิวมีความเรียบเนียนมากขึ้นค่ะ

สรุปสาระสำคัญ

  • คอลลาเจน คือ โปรตีนโครงสร้างของผิว ทำหน้าที่กักเก็บความชุ่มชื้น ช่วยให้ผิวมีความยืดหยุ่นและกระชับ
  • คอลลาเจน มีบทบาทสำคัญในการช่วยให้หลุมสิวดูจางลง
  • การกระตุ้นคอลลาเจนบริเวณหลุมสิว สามารถทำได้หลายวิธีทั้งด้วยการฉีดสารกระตุ้นคอลลาเจน การใช้เกล็ดเลือด และการทำหัตถการเลเซอร์

การกระตุ้นคอลลาเจน ช่วยรักษาหลุมสิวได้อย่างไร

คอลลาเจน (Collagen) คือ เส้นใยโปรตีนที่ทำหน้าที่อุ้มน้ำ และเป็นส่วนประกอบของโครงสร้างให้กับผิวค่ะ โดยเป็นองค์ประกอบที่กักเก็บความชุ่มชื้นให้ผิว ช่วยให้ผิวมีความกระชับและแข็งแรง อีกทั้งยังมีบทบาทสำคัญในกระบวนการสมานแผลด้วยค่ะ 

การกระตุ้นคอลลาเจน (Collagen stimulation) จึงเรียกได้ว่าเป็นเสาหลักของการรักษาให้หลุมสิวดูจางลง และปรับสภาพให้ผิวดูเรียบเนียนมากขึ้น ซึ่งหลาย ๆ คนอาจจะเคยได้ยินคำว่า Collagen Biostimulator หรือสารกระตุ้นคอลลาเจนโดยธรรมชาติ โดยสารตัวนี้มีสรรพคุณในการกระตุ้นเซลล์ไฟโบรบลาสต์ (Fibroblasts) ให้ผลิตคอลลาเจนออกมามากขึ้น 

ตัวอย่างของ Biostimulator ที่กำลังเป็นที่นิยม ได้แก่ Rejuran และ Sculptra แต่อย่างไรก็ดี การกระตุ้นคอลลาเจนหลุมสิวนั้น ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การฉีด Biostimulator เท่านั้นค่ะ  

6 วิธีกระตุ้นคอลลาเจน รักษาหลุมสิว

ในปัจจุบัน เรามีหัตถการในการกระตุ้นคอลลาเจน และรักษาหลุมสิวให้เลือกใช้บริการมากมายค่ะ โดยแต่ละวิธีก็จะมีหลักการทำงาน และความโดดเด่นที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งหมอขอยกตัวอย่าง 6 วิธีกระตุ้นคอลลาเจนหลุมสิวที่มีประสิทธิภาพ และกำลังได้รับความนิยมมาอธิบายในบทความนี้ค่ะ

1. Profhilo

Profhilo

Profhilo เป็นอีกหนึ่งสารที่กำลังได้รับความนิยมในการกระตุ้นคอลลาเจนเพื่อฟื้นฟูหลุมสิว (Acne Scar) และยกกระชับ (Skin Laxity) รวมค่ะ โดย Profhilo เป็นสารที่มีส่วนประกอบของไฮยาลูรอนิกแอซิด (Hyaluronic Acid) ที่มีน้ำหนักโมเลกุลทั้งสูงและต่ำผสมผสานกัน ทำงานในลักษณะ “Hybrid Cooperative Complex” ซึ่งไม่เพียงช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น แต่ยังช่วยกระตุ้นกระบวนการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินในชั้นผิว ทำให้หลุมสิวดูตื้นขึ้นและผิวกระชับมากขึ้นค่ะ

หลักการทำงานของ Profhilo ในการกระตุ้นการฟื้นฟูหลุมสิวมีดังนี้ค่ะ

  • หลังจากฉีด Profhilo เข้าสู่ผิว สารไฮยาลูรอนิกแอซิดจะซึมลึกเข้าสู่ผิวชั้นกลางและกระตุ้นเซลล์ไฟโบรบลาสต์ (Fibroblast) ในการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใหม่
  • ไฮยาลูรอนิกแอซิดที่มีโมเลกุลน้ำหนักต่ำ (L-HA) จะช่วยเพิ่มการสร้างเส้นเลือดและฟื้นฟูผิวจากภายใน ส่วนโมเลกุลน้ำหนักสูง (H-HA) จะช่วยสร้างโครงสร้างให้ผิวแข็งแรงขึ้นและลดความหย่อนคล้อย
  • ผลลัพธ์ที่ได้คือ หลุมสิวที่ดูตื้นขึ้น ริ้วรอยลดลง และผิวหน้ามีความชุ่มชื้น กระจ่างใสมากขึ้นค่ะ

Profhilo ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในวงการความงามและได้รับการรับรองด้านความปลอดภัย โดยเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวอย่างล้ำลึกโดยไม่ต้องผ่าตัด หรือมีเวลาพักฟื้นน้อย การฉีด Profhilo เพื่อฟื้นฟูหลุมสิวและสภาพผิว ควรทำ 2 ครั้ง โดยเว้นระยะห่างครั้งละ 4 สัปดาห์ค่ะ ผลลัพธ์สามารถคงอยู่ได้นานถึง 6-12 เดือน และสามารถทำซ้ำปีละครั้งเพื่อรักษาผลลัพธ์ค่ะ

2. Sculptra

Sculptra

Sculptra เป็นสารกระตุ้นคอลลาเจนที่กำลังได้รับความนิยมสูงเช่นกันค่ะ โดย Sculptra คือ สาร PLLA (Poly-L-Lactic Acid) ซึ่งเป็นสารชนิดเดียวกับไหมละลายที่ใช้ในการเย็บแผลผ่าตัด ซึ่งสาร PLLA มีคุณสมบัติในการกระตุ้นคอลลาเจนที่จะช่วยให้หลุมสิวดูจางลง และเผยผิวที่กระชับ ชุ่มชื้นมากขึ้นค่ะ

โดยหลักการทำงานของ Sculptra ในการกระตุ้นคอลลาเจนหลุมสิว มีคร่าว ๆ ดังนี้ค่ะ

  • เมื่อฉีด Sculptra แล้วตัว PLLA จะกระตุ้นการอักเสบของเซลล์แบบเบา ๆ เพื่อทำให้ผิวเข้าสู่กระบวนการสมานแผล
  • ในกระบวนการสมานแผล เซลล์ไฟโบรบลาสต์ (Fibroblast) จะถูกกระตุ้น ส่งผลให้มีการผลิตคอลลาเจนออกมามากขึ้น โดยพบว่า เพียง 3 เดือนหลังฉีด Sculptra แล้ว ปริมาณคอลลาเจนใต้ชั้นผิวเพิ่มขึ้นถึง 66.5% 
  • คอลลาเจนที่เพิ่มขึ้นช่วยให้หลุมสิวดูจางลงอย่างชัดเจน และยังช่วยลดปัญหาริ้วรอย พร้อมช่วยฟื้นฟูผิวให้ชุ่มชื้น และแข็งแรงมากขึ้นด้วยค่ะ

การที่ Sculptra เป็นสารตัวเดียวกับไหมละลาย อาจจะทำให้ใครหลาย ๆ คนรู้สึกสงสัยว่า แล้วฉีดสารไหมละลายตัวนี้เข้าผิวหนังแล้วจะทำให้เกิดอันตรายหรือไม่ หมอขอชี้แจงแบบนี้ค่ะว่า ตัว Sculptra ก็ได้รับการรับรองจาก US FDA ใน ปี 2004 ในฐานะ สารฉีดกระตุ้นคอลลาเจน เพื่อจุดประสงค์ของความงาม เราจึงมั่นใจได้ว่า Sculptra มีความปลอดภัยและสามารถทำงานกับเซลล์ของเราได้โดยไม่รบกวนการทำงานของผิวค่ะ 

การฉีด Sculptra เพื่อกระตุ้นคอลลาเจนหลุมสิว ควรทำติดต่อกันอย่างน้อย 3 ครั้ง โดยเว้นระยะห่างครั้งละ 4-6 สัปดาห์ค่ะ ซึ่งผลลัพธ์ของ Sculptra อยู่ได้นานถึง 2 ปี และสามารถฉีดกระตุ้นได้ปีละ 1 ครั้งเพื่อคงผลลัพธ์ได้ค่ะ

3. Juvelook

Juvelook

Juvelook คือ สาร PDLLA (Poly-D, L-Lactic Acid) และไฮยาลูรอนิก แอซิดแบบ Non-crosslinked ค่ะ ซึ่งตัว PDLLA จะทำหน้าที่กระตุ้นคอลลาเจนบริเวณหลุมสิว ในลักษณะที่คล้ายกับ PLLA ของ Sculptra เพียงแต่มีการจัดเรียงโมเลกุลที่ต่างกันเล็กน้อยค่ะ ส่วนตัวไฮยาลูรอนิก แอซิด ก็จะทำหน้าที่ในการเติมเต็มปริมาตรผิว เช่นเดียวกับฟิลเลอร์ส่วนใหญ่ค่ะ

การฉีด Juvelook จึงเหมือนเป็นการฉีดกระตุ้นคอลลาเจนและฟิลเลอร์หลุมสิวในเวลาเดียวกันค่ะ โดยเมื่อฉีดครั้งแรก ตัวไฮยาลูรอนิค แอซิดจะเข้าไปเติมเต็มเนื้อเยื่อส่วนที่หายไปบริเวณหลุมสิวทันที ทำให้หลุมสิวดูจางลง และผิวหน้าเรียบเนียนขึ้น หลังจากนั้น 2-3 สัปดาห์ เราจะเริ่มสัมผัสผลลัพธ์ของ PDLLA โดยผิวจะถูกกระตุ้นให้ผลิตคอลลาเจนและเซลล์ผิวใหม่ออกมามากขึ้นค่ะ ทำให้ผิวเริ่มมีความกระชับ เรียบเนียน ชุ่มชื้นมากขึ้นค่ะ โดยพบว่าปริมาณคอลลาเจนในชั้นผิวเพิ่มขึ้นมากถึง 40 เท่า หลังจากฉีด Juvelook แล้ว 6 เดือน และยังมีชั้นหนังแท้ยังมีความแน่นหนา และแข็งแรงขึ้นด้วยค่ะ

ตัว PDLLA ก็ยังมีความเข้ากันได้ทางชีวภาพต่อร่างกายมนุษย์ (Biocompatibility) ไม่ต่างกับ PLLA ของ Sculptra ค่ะ และได้รับการรับรองโดย FDA เพื่อจุดประสงค์ด้านความงาม เราจึงมั่นใจได้ว่า Juvelook เป็นวิธีการกระตุ้นคอลลาเจนหลุมสิวที่ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพค่ะ

การฉีดกระตุ้นคอลลาเจนหลุมสิวด้วย  Juvelook ควรทำติดต่อกันอย่างน้อย 3 ครั้ง เว้นระยะห่างครั้งละประมาณ 1 เดือน และสามารถฉีดซ้ำเพื่อคงผลลัพธ์ได้ทุก ๆ  6-12 เดือนค่ะ

4. Rejuran

Rejuran

Rejuran หรือ รีจูรัน คือ สารโพลีนิวคลีโอไทด์ (Polynucleotide หรือ PN) บริสุทธิ์ที่สกัดมาจากชิ้นส่วนพันธุกรรมของปลาแซลม่อนค่ะ โดยสารโพลีนิวคลีโอไทด์ถือเป็น Biostimulator เมื่อฉีดเข้าชั้นผิวแล้วช่วยซัพพอร์ตโครงสร้างของสารเคลือบเซลล์ (Extracellular matrix หรือ ECM) และจะทำงานที่ลึกถึงระดับดีเอ็นเอในการกระตุ้นคอลลาเจน ซึ่งส่งผลให้ผิวมีความยืดหยุ่น แข็งแรงและเรียบเนียนขึ้นค่ะ 

นอกจากคุณสมบัติในการกระตุ้นคอลลาเจนเพื่อฟื้นฟูหลุมสิวแล้ว Rejuran ยังมีคุณสมบัติอื่นด้วย ดังนี้ค่ะ

  • ช่วยในการซ่อมแซมและสร้างเนื้อเยื่อใหม่
  • ช่วยให้ผิวชั้นหนังกำพร้า (Epidermis) และชั้นหนังแท้ (Dermis) หนาตัวขึ้น สร้างเกราะป้องกันให้ผิวจากสิ่งแวดล้อม เช่น ฝุ่นควัน มลภาวะ และแสงยูวี
  • กระตุ้นการสร้างเส้นเลือดฝอยใหม่ (Angiogenesis) ซึ่งช่วยในการสมานแผลและการไหลเวียนของเลือด เพื่อให้เซลล์ทำงานได้อย่างเต็มที่ 

Rejuran จึงเป็นตัวเลือกให้มากกว่าการกระตุ้นคอลลาเจนเพื่อรักษาหลุมสิว แต่ยังช่วยแก้ปัญหาผิวแห้งกร้าน ริ้วรอยแห่งวัย ปรับสภาพผิว และเสริมสร้างให้เกราะป้องกันผิวแข็งแรงด้วยค่ะ

ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ของ Rejuran แล้ว Rejuran S คือตัวที่ถูกออกแบบมาเพื่อการรักษาหลุมสิวและแแผลเป็นโดยเฉพาะค่ะ ซึ่ง Rejuran S (กล่องสีน้ำเงิน) จะมีเนื้อที่หนืดและเข้มข้นกว่า Rejuran ตัวอื่น ๆ โดยประสิทธิภาพในการรักษาหลุมสิว และรอยดำ-รอยแดงด้วยค่ะ 

ผลลัพธ์ในการกระตุ้นคอลลาเจนหลุมสิวด้วย Rejuran S จะเริ่มเห็นได้ตั้งแต่ 2-3 สัปดาห์หลังฉีดค่ะ ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว ควรเริ่มฉีด Rejuran S ติดต่อกันอย่างน้อย 3-5 ครั้ง เว้นระยะห่างครั้งละ 3-4 สัปดาห์ หลังจากนั้น สามารถฉีดกระตุ้นได้ทุก ๆ 6-12 เดือนค่ะ

5. เลเซอร์กระตุ้นคอลลาเจน

ไม่ว่าจะเป็น Fractional CO2, Pico, หรือ  Fractional RF เราสามารถสรุปสั้น ๆ ได้ว่า เลเซอร์ คือ การใช้พลังงานในรูปแบบต่าง ๆ ในการกระตุ้นคอลลาเจนบริเวณหลุมสิวค่ะ โดยพลังงานไม่ว่าจะเป็น แสงอินฟราเรด แสงสีเหลือง หรือคลื่นวิทยุ เมื่อถูกยิงเข้าสู่ชั้นผิวแล้วก็จะแปรเปลี่ยนเป็นความร้อนซึ่งจะเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดการผลิตคอลลาเจนมากขึ้น และยังทำให้เกิดการจัดเรียงโครงสร้างของผิว (Remodeling) ด้วยค่ะ

ซึ่งเลเซอร์แต่ละตัวก็จะมีคุณสมบัติ รูปแบบของพลังงาน และความโดดเด่นเฉพาะตัวที่ต้องกันออกไปค่ะ อาทิ เช่น

  • เลเซอร์หลุมสิว Fractional CO2 ปล่อยพลังงานแสงที่ความยาวคลื่น 10,600 nm โดยใช้ก๊าซออกซิเจนเป็นตัวพาในการส่งผ่านเข้าสู่ชั้นผิว โดดเด่นในเรื่องของ Skin Resurfacing และสามารถกระตุ้นคอลลาเจนเพื่อรักษาหลุมสิวที่ลึกได้ดี อีกทั้งยังแก้ไขปัญหาผิว อย่าง สิวข้าวสาร สิวอุดตัน และริ้วรอยเล็ก ๆ ด้วยค่ะ
  • เลเซอร์หลุมสิว Fractional RF ใช้คลื่นวิทยุ (Radiofrequency, RF) ในการกระตุ้นคอลลาเจนบริเวณหลุมสิว และใช้เทคนิค Microneedling หรือเข็มขนาดเล็กในการกระจายคลื่นวิทยุ และช่วยกระตุ้นกระบวนการสมานแผล
  • เลเซอร์หลุมสิว Venus Viva MD เป็นเลเซอร์ RF กระตุ้นคอลลาเจนหลุมสิวตัวหนึ่งที่โดดเด่นด้วยเทคโนโลยี NanoFractional™ Radiofrequency ซึ่งส่งผ่านคลื่นเข้าสู่ชั้นผิวด้วยหัว pin ขนาดจิ๋ว (300 นาโนเมตร) ทำให้คลื่นวิทยุสามารถเข้าถึงชั้นผิวได้ลึกและกระจายตัวได้อย่างสม่ำเสมอ และ SmartScan™ ซึ่งทำให้เราสามารถปรับโหมดของการปล่อยคลื่นให้เหมาะสมกับสภาพผิวมากขึ้น

เลเซอร์ เป็นอีกหนึ่งวิธีกระตุ้นคอลลาเจนหลุมสิวที่ได้รับความนิยมสูง เนื่องจากเป็นการรักษาที่มีประสิทธิภาพทำได้ง่าย และมีความเสี่ยงต่ำค่ะ ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว การรักษาหลุมสิวด้วยเลเซอร์เพื่อให้เห็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ควรทำติดต่อกันอย่างน้อย 3-4 ครั้ง โดยเว้นระยะห่างครั้งละ 4-6 สัปดาห์ค่ะ ทั้งนี้จำนวนครั้งก็ขึ้นอยู่กับประเภทของเลเซอร์ สภาพผิว และการประเมินผลของแพทย์ด้วยค่ะ 

6. PRP Injection

การฉีด PRP (Platelet-rich-plasma) คือ การใช้พลาสมาในการกระตุ้นคอลลาเจนบริเวณหลุมสิวค่ะ โดยตัวพลาสมา (Plasma) คือ สารสกัดที่ได้มาจากเลือด อุดมไปด้วยเกล็ดเลือด (Platelet) และ Growth factors ที่มีสรรพคุณในการฟื้นฟูผิวค่ะ 

เกล็ดเลือด และ Growth factors เป็นตัวส่งสัญญาณให้ผิวเกิดการผลิตเซลล์ใหม่ (Cell proliferation) รวมไปถึงกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนและอีลาสติน อีกทั้งยังทำให้เกิดการสร้างเส้นเลือดฝอย (Angiogenesis) ซึ่งช่วยในเรื่องการซ่อมแซมผิวที่ถูกทำร้ายจากมลภาวะและแสงแดด และบูสต์การทำงานของเซลล์ผิวค่ะ

โดยขั้นตอนการทำ PRP Injection จะเริ่มจากการเจาะเลือด แล้วนำไปปั่นเพื่อแยกเอาพลาสมาและโปรตีนที่จำเป็นออกมาค่ะ จากนั้นแพทย์จะนำพลาสมาเข้มข้นนี้มาฉีดเข้าบริเวณหลุมสิวค่ะ โดยเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด การกระตุ้นคอลลาเจนหลุมสิวด้วย PRP ควรทำติดต่อกันอย่างน้อย 3-4 ครั้ง โดยเว้นระยะห่างครั้งละ 4-6 สัปดาห์ค่ะ

ฟื้นฟูผิว และกระตุ้นคอลลาเจนหลุมสิว ที่ EY Clinic

อย่างที่ได้กล่าวไปค่ะว่า คอลลาเจน คือ องค์ประกอบสำคัญที่จะช่วยให้หลุมสิวดูจางลง ผิวดูกระชับ และชุ่มชื้นมากขึ้น และในปัจจุบัน เราก็มีตัวเลือกในกระตุ้นคอลลาเจนอยู่มากมาย แต่สิ่งสำคัญที่ละเลยไม่ได้เลยก็คือ การเลือกรับบริการจากคลินิกที่มีมาตรฐานและเชื่อถือได้ เพื่อให้มั่นใจว่า เราจะได้รับการดูแลอย่างเป็นมืออาชีพ มีเครื่องมือที่เหมาะสม และมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเป็นคนดำเนินหัตถการค่ะ

สำหรับคนที่มีปัญหาหลุมสิว หรือปัญหาผิวอื่น ๆ สามารถปรึกษากับเราได้ที่ EY Clinic ค่ะ โดยเรามีการประเมินสภาพผิวและวางแผนการรักษาให้เหมาะสมกับตัวบุคคลก่อนเริ่มเสมอ อีกทั้งมีการติดตามผลการักษาเพื่อการันตีความพึงพอใจ โดยไม่มีการยัดเยียดคอร์สที่ไม่จำเป็นค่ะ

EY Clinic คือคลินิกที่เชี่ยวชาญด้านสิว หลุมสิว และ การชะลอวัย


เพราะเราคือทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์รวมกันมากกว่า 30 ปี นำทีมโดย หมอผึ้ง (พญ.พัจนภา เวชอนุรักษ์) แพทย์ผิวหนังเฉพาะทาง สถาบันโรคผิวหนัง Board of Dermatology and Dermatosurgery และ หมอโบว์ (พญ. พันธลี ชื่นสัมพันธ์) เวชศาสตร์ชะลอวัย American Board of Anti-Aging & Regenerative Medicine แพทยศาสตรบัณฑิตโรงพยาบาลรามาธิบดียินดี ให้คำปรึกษาและช่วยดูแลให้ผิวของคุณมีสุขภาพดีมากขึ้นค่ะ

หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการกระตุ้นคอลลาเจนรักษาหลุมสิว สามารถแวะเข้ามาปรึกษาหมอผึ้งได้ที่ EY Clinic ค่ะ

รีวิวจากผู้ใช้บริการจริง

acne & acne scar expert
เรามีทรีตเมนต์หลากหลายที่ออกแบบมาเพื่อส่งเสริมสุขภาพโดยรวมของคุณ ตั้งแต่การดูแลผิวไปจนถึงโภชนาการ เรามีทุกสิ่งที่คุณต้องการเพื่อให้คุณรู้สึกดีที่สุด