โบท็อกซ์ เมโส ฟิลเลอร์
Dec 19, 2023
0
min read

ข้อห้าม หลังฉีดโบท็อกซ์ ทำอย่างไรให้โบอยู่นาน ไม่ไหล ไม่ย้อย

ข้อห้าม หลังฉีดโบท็อกซ์ ทำอย่างไรให้โบอยู่นาน ไม่ไหล ไม่ย้อย

ข้อห้าม หลังฉีดโบท็อกซ์ ทำอย่างไรให้โบอยู่นาน ไม่ไหล ไม่ย้อย

สำหรับใครที่กำลังจะเข้ารับการฉีดโบ หรือคนที่กำลังตัดสินใจ วิธีการดูแลตัวเองและข้อห้ามหลังฉีดโบท็อกซ์เป็นสิ่งที่คุณควรศึกษาไว้ก่อนค่ะ หมอผึ้งจะพาไปดูว่า หลังฉีดโบแล้ว เราไม่ควรทานอะไร ต้องงดแอลกอฮอล์นานแค่ไหน และทำอย่างไรไม่ให้โบท็อกซ์ไหลไปส่วนอื่นของใบหน้าค่ะ

ก่อนฉีดโบท็อกซ์ ควรรู้อะไรบ้าง

โบท็อกซ์ถือเป็นหนึ่งในทรีตเมนต์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในวงการเวชศาสตร์ความงาม และเป็นทรีตเมนต์ที่ครองใจใครหลาย ๆ คนที่มีปัญหากังวลใจเรื่องริ้วรอยบนใบหน้าค่ะ ไม่ว่าเป็นริ้วรอยหน้าผากย่น ตีนกา ร่องน้ำหมาก หรือ รอยย่นระหว่างคิ้วค่ะ ซึ่งก่อนจะตัดสินใจเข้าฉีดโบท็อกซ์ เราควรมีการเตรียมตัวดังนี้ค่ะ

ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับโบท็อกซ์

ก่อนฉีดโบท็อกซ์ เราควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับทรีตเมนต์ตัวนี้ให้ดีก่อน เพื่อให้มีข้อมูลเพียงพอในการประกอบการตัดสินใจ ศึกษาเกี่ยวกับวิธีการทำงานของโบท็อกซ์ ผลลัพธ์ของการรักษา วิธีการดูแลตัวเอง หลังฉีดโบท็อกซ์มีข้อห้ามอย่างไร รวมถึงราคาของการฉีดโบท็อกซ์ด้วยค่ะ

เลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน 

การเลือกใช้บริการกับคลินิกที่ผ่านการตรวจสอบของกระทรวงสาธารณสุข เป็นสิ่งที่หมอผึ้งย้ำเสมอไม่ว่าจะเป็นทรีตเมนต์ตัวไหนก็ตามค่ะ เนื่องจากห้องที่ใช้ทำหัตถการต้องเป็นห้องที่ปลอดเชื้อ มีการรักษาความสะอาดอย่างเคร่งครัดและมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางเป็นคนดำเนินการด้วยค่ะ

ใบหน้าของเราเป็นพื้นที่ที่เต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอยและเส้นประสาท การฉีดโบท็อกซ์จะควรถูกดำเนินการโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพและลดความเสี่ยงของผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ เช่น อาการตาตกเนื่องจากโบท็อกซ์ไหลไปยังกล้ามเนื้อรอบดวงตา อาการหน้าตึงเนื่องจากใช้โบท็อกซ์มากเกินไป หรืออาการมุมปากเบี้ยวเวลายิ้ม

ถ้าหมอที่ฉีดไม่มีประสบการณ์ ก็อาจทำให้เกิดการฉีดผิดชั้นผิวหรือใช้ในปริมาณที่ไม่เหมาะสม นอกจากนี้ การประเมินสภาพผิวก่อนฉีดก็เป็นอีกเรื่องสำคัญ โดยแพทย์จะเป็นคนให้คำปรึกษาและประเมินว่าปัญหาที่เรามีเหมาะกับทรีตเมนต์โบท็อกซ์หรือไม่ และควรเข้าฉีดบ่อยแค่ไหน หากเข้ารับบริการกับคลินิกที่ไม่มีแพทย์ประจำก็อาจทำให้เราเสียเงินไปโดยที่ไม่ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ

ปรึกษาแพทย์ก่อนเสมอ

อย่างที่หมอผึ้งได้กล่าวไว้ข้างต้นว่า การประเมินผิวก่อนการฉีดโบท็อกซ์เป็นขั้นตอนที่สำคัญ โดยคุณหมอจะให้คำปรึกษาและพิจารณาว่าโบท็อกซ์สามารถแก้ปัญหาผิวหรือให้ผลลัพธ์ที่เราอยากได้หรือไม่ นอกจากนี้เรายังควรต้องแจ้งคุณหมอเรื่องโรคประจำตัว และยาหรืออาการเสริมที่ใช้อยู่เป็นประจำเพื่อลดความเสี่ยงของการเกิดอาการแทรกซ้อนและเพื่อให้ได้ผลลัพธ์อย่างเต็มประสิทธภาพ  

เลือกฉีดโบท็อกซ์แท้เท่านั้น

ในประเทศไทย โบท็อกซ์ถูกขึ้นทะเบียนเป็นยาควบคุมพิเศษที่สั่งได้โดยแพทย์เท่านั้น นั่นแปลว่าโบท็อกซ์ที่มีขายตามร้านค้าออนไลน์นั้นถือเป็นสินค้าผิดกฏหมาย และอาจเป็นโบท็อกซ์ปลอม ซึ่งหมอผึ้งบอกได้เลยว่าอันตรายมาก เพราะเราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าโบท็อกซ์ตัวนั้นมีส่วนผสมของอะไรบ้าง แต่หากเราใช้บริการกับคลินิกที่ได้มาตรฐานก็ไม่มีอะไรต้องกังวลค่ะ

วิธีการเช็คโบท็อกซ์แท้ สามารถทำได้ดังนี้: โบท็อกซ์แท้ที่ผ่านอย.แล้วจะมีเลขทะเบียนอย. ระบุอยู่ที่กล่อง มีเอกสารกำกับที่เป็นภาษาไทย และมีเลข LOT บนกล่องที่ตรงกับเลข LOT บนขวด ตัวยาที่อยู่ในขวดจะมีลักษณะเป็นผลึกอยู่ที่ก้นขวด ซึ่งหมอจะต้องใส่น้ำเกลือเข้าไปเพื่อดูดตัวยาออกมา โบท็อกซ์บางยี่ห้อเช่น Allergan จะมีสติกเกอร์ซีลอยู่ที่ฝากล่องเพื่อปกป้องการเปิดเพื่อสลับขวดยา 

ที่ EY Clinic จะมีบริการโบท็อกซ์ให้เลือกอยู่ 3 สัญชาติด้วยกัน: Allergan จากอเมริกา Nabota จากเกาหลี และ Xeomin จากเยอรมัน ซึ่งหมอผึ้งการันตีได้ว่าทุกทรีตเมนต์ที่คลินิกจะใช้ตัวยาเต็มปริมาณ ไม่มีการเจือจาง ไม่มีการผสมยาหลอก และมีคุณหมอเป็นคนฉีดทุกครั้งค่ะ

4 ข้อปฏิบัติเพื่อเตรียมผิวหน้าก่อนฉีดโบท็อกซ์

  1. งดใช้สกินแคร์หรือยาที่มีส่วนผสมของวิตามินเอ และ AHA ในช่วง 1-2 วันก่อนฉีด
  2. งดการทำทรีตเมนต์อื่น ๆ เช่นการสครับหน้า หรือ ลอกผิว ในช่วง 1-2 วันก่อนฉีด
  3. หลีกเลี่ยงการใช้ยาแก้ปวดในกลุ่ม NSAIDs และอาการเสริมที่มีวิตามินอีหรือน้ำมันปลาเป็นระยะเวลา 1 สัปดาห์ เพื่อลดการเกิดรอยฟกช้ำหลังจากการฉีดโบท็อกซ์
  4. หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 24 ชั่วโมงก่อนเข้ารับการฉีดโบท็อกซ์
  5. แจ้งให้แพทย์ทราบก่อนถึงประวัติการใช้ยาและโรคประจำตัว

โบท็อกซ์ไม่เหมาะกับใคร

  • ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตรอยู่ 
  • ผู้ที่เคยมีประวัติเคยแพ้ส่วนผสมของโบท็อกซ์มาก่อน
  • ผู้ที่มีกำลังมีภาวะติดเชื้อหรือมีอาการอักเสบทางผิวหนังในบริเวณที่จะฉีดโบท็อกซ์
  • ผู้ที่มีภาวะกลืนลำบาก (Dysphagia)
  • ผู้ที่ป่วยเป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง

ถึงโบท็อกซ์เป็นหัตถการที่ทำได้ง่ายและมีความเสี่ยงต่ำ แต่หมอผึ้งขอย้ำว่า เราควรแจ้งแพทย์ให้รู้ถึงประวัติการใช้ยาและโรคประจำตัวของเราก่อนจะตัดสินใจรับการฉีดโบท็อกซ์เสมอ 

ข้อห้าม หลังฉีดโบท็อกซ์

หลังจากฉีดโบท็อกซ์แล้วเราจะสามารถสังเกตการเปลี่ยนแปลงได้ในช่วงเวลา 2-7 วันแรกค่ะ และเห็นผลลัพธ์อย่างเต็มที่ภายใน 1-2 สัปดาห์ ซึ่งผลลัพธ์ตรงนี้จะอยู่ได้เฉลี่ยประมาณ 3-6 เดือน ขึ้นอยู่กับตัวบุคคลและบริเวณที่ฉีด 

ฉีดโบท็อกซ์แล้ว หน้าบวมไหม

หลังจากฉีดโบท็อกซ์แล้ว บริเวณที่ฉีดอาจมีอาการฟกช้ำ ปวดระบม และบวมหรือนูนเล็กน้อย ซึ่งอาการเหล่านี้จะค่อย ๆ บรรเทาลงไปเองภายในคืนแรก โดยเราสามารถใช้วิธีประคบเย็นเพื่อลดอาการปวดบวมได้; ใช้ผ้าสะอาดห่อน้ำแข็งและประคบบริเวณที่ฉีดอย่างเบามือโดยไม่กดหรือนวด

ฉีดโบท็อกซ์ เคี้ยวหมากฝรั่งได้ไหม

หมอแนะนำว่า เราควรขยับกล้ามเนื้ออย่างต่อเนื่อง เช่น การเคี้ยวหมากฝรั่งเป็นเวลาอย่างน้อย 30 นาทีหลังฉีดโบท็อกซ์เพื่อให้ยากระจายเข้าสู่กล้ามเนื้อที่เราต้องการได้ทั่วบริเวณ โดยเฉพาะกับคนที่ฉีดโบท็อกซ์บริเวณกราม 

ฉีดโบท็อกซ์วันแรก ห้ามทำอะไร

หมอผึ้งขอกำชับว่า ห้ามนอนราบในช่วง 4-5 ชั่วโมงแรกหลังฉีดโบท็อกซ์ และพยายามก้มหน้าให้น้อยที่สุด เพื่อป้องกันไม่ให้โบท็อกซ์ไหลหรือกระจายไปสู่บริเวณที่เราไม่ต้องการ และไม่การกด นวด หรือลงน้ำหนักในบริเวณที่ฉีดมากเกินไปในช่วง 24 ชั่วโมงหลังฉีด

ฉีดโบท็อกซ์ แต่งหน้า ทาสกินแคร์ได้ไหม

เพื่อลดโอกาสการอักเสบติดเชื้อของรอยเข็ม หมอผึ้งแนะนำว่าควรงดการทาสกินแคร์และการแต่งหน้าเป็นเวลา 24 ชั่วโมงหลังจากฉีดโบท็อกซ์ ทั้งนี้เรายังสามารถล้างหน้าได้ตามปกติ โดยเว้นเวลาอย่างน้อย 4-6 ชั่วโมงก่อนที่จะล้างหน้า เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าสูตรอ่อนโยน และซับหน้าให้แห้งหลังล้าง

ฉีดโบท็อกซ์ ออกกำลังกายได้ไหม

การออกกำลังกายเป็นประจำถือเป็นกิจวัตรที่ดี แต่หมอผึ้งขอแนะนำว่าควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายในช่วง 24-48 ชั่วโมงหลังฉีดโบท็อกซ์ โดยเฉพาะในช่วง 4-5 ชั่วโมงแรก ควรงดออกกำลังกายอย่างเด็ดขาด แม้แต่การออกกำลังการเบา ๆ อย่างโยคะหรือพิลาทีส เนื่องจากกิจกรรมเหล่านี้อาจทำให้สารโบท็อกซ์กระจายตัวไปสู่มัดกล้ามเนื้อที่เราไม่ต้องการ ทำให้เกิดเป็นผลข้างเคียงอย่าง อาการตาตก หรืออาการกลืนยาก นอกจากนี้ เหงื่อที่ออกยังทำให้แผลจากรอยเข็มเสี่ยงต่อการติดเชื้อด้วย

นอกจากการออกกำลังกายแล้ว กิจกรรมอื่น ๆ ที่ทำให้เหงื่อออกมาก อย่างเช่น การอบซาวน่า กิจกรรมกลางแจ้ง หรือแม้แต่การปรุงอาหารหน้าเตาร้อนก็ควรหลีกเลี่ยงเช่นกัน

ฉีดโบท็อกซ์ งดแอลกอฮอล์กี่วัน

หลังฉีดโบท็อกซ์แล้ว ควรงดการดื่มแอลกอฮอล์เป็นเวลา 1-2 สัปดาห์ โดยเฉพาะในช่วง 2-3 วันแรก เนื่องจากแอลกอฮอล์มีผลทำให้เลือกสูบฉีดและทำให้เลือดแข็งตัวช้าลง ซึ่งอาจทำให้แผลรอยเข็มฟกช้ำมากกว่าเดิมหรือมีอาการบวมมากขึ้น นอกจากนี้แอลกอฮอล์ยังทำให้แผลหายช้า และเป็นตัวทำลายภูมิคุ้มกันของร่างกาย ซึ่งทำให้แผลรอยเข็มของเราเสี่ยงต่อการติดเชื้อ

ฉีดโบท็อกซ์ ห้ามกินอะไรบ้าง

หมอผึ้งขอบอกก่อนว่า อาหารเหล่านี้ไม่ได้เข้าไปทำปฏิกริยากับโบท็อกซ์หรือทำให้โบท็อกซ์หมดฤทธิ์แต่อย่างไร แต่เป็นเพียงอาหารที่ควรงดในช่วง 1-2 สัปดาห์แรกหลังฉีดเพื่อช่วยให้ร่างกายได้รักษาแผลที่เกิดจากเข็มโบท็อกซ์ได้อย่างเต็มที่  

อาหารปิ้งย่าง ชาบู หรืออาหารที่ทำให้เราต้องนั่งหน้าเตาร้อน ๆ 

ความร้อนจะทำให้หลอดเลือดขยายตัวมีผลทำให้อาการช้ำเข็มและอาการบวมแย่ลง อีกทั้งเหงื่อที่ออกยังเป็นตัวนำเชื้อโรคเข้าสู่รอยเข็มซึ่งอาจนำไปสู่การติดเชื้อทางผิวหนัง 

อาหารดิบหรือกึ่งสุกกึ่งดิบ

อาหารดิบ หรือ ของดิบ ๆ สุก ๆ ที่ปรุงมาไม่ดีหรือไม่สะอาดมักทำให้เกิดอาการท้องเสียหรือเกิดภาวะอาหารเป็นพิษ และอาจเป็นตัวนำเชื้อโรคเข้าสู่กระแสเลือด

อาหารหมักดอง

อาหารจำพวกผักดอง ผลไม้ดอง และปลาร้า หากถูกหมักอย่างไม่ถูกสุขอนามัย ก็สามารถเป็นตัวนำเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายของเราได้

อาหารที่มีไขมันและน้ำตาลสูง เช่น โรตี ชานมไข่มุก

ของทอด ของมัน และของหวานมีส่วนทำให้เซลล์เกิดการอักเสบซึ่งทำให้กระบวนการการสมานแผลช้าลงและยังมีสารอนุมูลอิสระที่ซึ่งเป็นตัวทำลายเซลล์ ในช่วงหลังฉีดโบท็อกซ์จึงแนะนำให้งดอาหารประเภทนี้

ข้อห้าม หลังฉีดโบท็อกซ์เกี่ยวกับยาและอาหารเสริม

หลังจากฉีดโบท็อกซ์แล้ว หมอผึ้งอยากแนะนำให้หลีกเลี่ยงยาและอาหารเสริมประเภทต่อไปนี้ในช่วง 24 ชั่วโมงหลังฉีดโบท็อกซ์เพื่อลดความเสี่ยงของอาการข้างเคียง

  • ยาแก้ปวดในกลุ่ม NSAIDs ที่มีผลทำให้เลือดแข็งตัวช้าลง เช่น Ibuprofen, Naproxen, และ Aspirin - หากจำเป็นต้องใช้ยาแก้ปวดจริง ๆ หมอแนะนำให้ใช้เป็นพาราเซตามอลแทนค่ะ
  • อาหารเสริมที่มีโอเมก้า 3 กิงโกะ และวิตามี อี เนื่องจากสารอาหารเหล่านี้ผลทำให้เลือกแข็งตัวช้า

ฉีดโบท็อกซ์ ราคาเท่าไร

ที่ EY Clinic มีโบท็อกซ์อยู่ 3 สัญชาติที่พร้อมให้บริการค่ะ ได้แก่ Allergan จากสหรัฐอเมริกา, Nabota จากเกาหลี และ Xeomin จากเยอรมัน ซึ่งแต่ละตัวจะมีแพ็คเกจที่ต่างกันค่ะ

  • Nabota เริ่มต้นที่ 150 บาท ต่อ 1 unit และ 4,999 บาท ต่อ 50 unit
  • Allergan เริ่มต้นที่ 11,999 บาท ต่อ 50 unit
  • Xeomin เริ่มต้นที่ 15,999 บาท ต่อ 100 unit 

โดยคุณสามารถดูรายละเอียดและแพ็กเกจเพิ่มเติมได้ที่นี่และแวะมาปรึกษาหมอก่อนตัดสินใจได้ที่ EY Clinic ค่ะ 

ฉีดโบท็อกซ์อย่างปลอดภัยที่ EY Clinic

ที่ EY Clinic เราเคร่งครัดในเรื่องของมาตรฐานความปลอดภัยและความพึงพอใจของผู้รับบริการเสมอค่ะ เลือกฝากใจไว้กับคลินิกของเราที่มีทีมแพทย์เฉพาะทาง ทุกท่านมีประสบการณ์มากกว่า 10 ปี ในการทำหัตถการความงาม หมดกังวลเรื่องความปลอดภัยและเรื่องใช้ตัวยาปลอมแน่นอนค่ะ หมอผึ้งเองมีประสบการณ์การฉีดโบท็อกซ์มาแล้วกว่า 14 ปี และยังเป็นอาจารย์แพทย์ ณ สภาบันโรคผิวหนัง ยินดีตอบคำถาม ไขข้อสงสัย และดูแลให้คุณได้ผลลัพธ์ที่คุณต้องการค่ะ

รีวิวจากผู้ใช้บริการจริง

เราอยากให้คุณดูดี และรู้สึกดีทุกวัน
เรามีทรีตเมนต์หลากหลายที่ออกแบบมาเพื่อส่งเสริมสุขภาพโดยรวมของคุณ ตั้งแต่การดูแลผิวไปจนถึงโภชนาการ เรามีทุกสิ่งที่คุณต้องการเพื่อให้คุณรู้สึกดีที่สุด