โบท็อกซ์ เมโส ฟิลเลอร์
Sep 28, 2023
0
min read

โบท็อกซ์กับฟิลเลอร์ ต่างกันยังไง อันไหนดีกว่า?

โบท็อกซ์กับฟิลเลอร์ ต่างกันยังไง อันไหนดีกว่า?

โบท็อกซ์กับฟิลเลอร์ ต่างกันยังไง อันไหนดีกว่า?

ทั้งโบท็อกซ์และฟิลเลอร์เป็นทรีตเมนต์เพื่อความสวยของที่ทำได้ง่าย ปลอดภัย และมีผลข้างเคียงเพียงน้อยนิด แต่หัตถการทั้งสองตัวนี้แท้จริงแล้วต่างกันมากน้อยแค่ไหน แก้ปัญหาได้เหมือนกันหรือไม่ และเราในฐานะผู้บริโภคควรเลือกฉีดตัวไหนดี ในบทความนี้ EY Clinic หมอผึ้งจะมาไขข้อสงสัยและแจกแจงให้ได้เข้าใจกันว่า โบท็อกซ์กับฟิลเลอร์ต่างกันอย่างไร อันไหนดีกว่า และจะตัดสินใจเลือกฉีดได้อย่างไร

โบท็อกซ์ (Botox) คืออะไร

โบท็อกซ์เป็นตัวเลือกยอดฮิตสำหรับคนมีปัญหาและความกังวลเรื่องริ้วรอย ตีนกา และใบหน้าที่หย่อนคล้อย ไม่กระชับ โบท็อกซ์ แท้จริงแล้วคือชื่อทางการค้าของสาร โบทูลินัม ท็อกซิน เอ (Botulinum toxin A) ที่ถูกออกฤทธิ์กับเซลล์ประสาทของเรา ถึงจะขึ้นชื่อว่า ท็อกซิน แต่ก็ไม่เป็นอันตรายหากถูกฉีดโดยแพทย์ผู้มีประสบการณ์ สารตัวนี้จะเข้าไปจับกับสารสื่อประสาท (Neurotransmitter) บริเวณปลายประสาทส่วนกล้ามเนื้อ ส่งผลให้กล้ามเนื้อเคลื่อนไหวน้อยลงและไม่หดเกร็ง เหมือนเป็นการฟรีซกล้ามเนื้อเฉพาะจุดไว้ชั่วคราว

โบท็อกซ์เริ่มออกฤทธิ์ภายใน 2-3 วันหลังจากที่ฉีดเข้ากล้ามเนื้อ แล้วจะเริ่มเห็นผลได้ชัดเจนที่สุดในช่วง 1-2 สัปดาห์แรก และมีคงผลลัพธ์ได้นาน 3-4 เดือน ก่อนที่จะสลายตัวไปตามกระบวนทางธรรมชาติของร่างกายโดยไม่ทิ้งสารตกค้าง

ฟิลเลอร์ (Filler) คืออะไร

ฟิลเลอร์ แปลว่า สารเติมเต็ม ซึ่งเป็นคำนิยามที่ดีที่สุดของทรีตเมนต์ประเภทนี้ ฟิลเลอร์ที่ได้รับความนิยมที่สุดคือ สารไฮยาลูรอนิก แอซิด (Hyaluronic acid) ที่ช่วยเติมเต็มชั้นผิวและช่วยกักเก็บความชุ่มชื่นให้เซลล์ ทำให้ใบหน้าดูอิ่มน้ำ อ่อนวัย และลดปัญหาริ้วรอย

ตัวไฮยาลูรอนิก แอซิดเป็นสารที่พบได้ตามส่วนต่าง ๆ ในร่างกายของเราและฟิลเลอร์ที่เป็นไฮยาก็สามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติหลังจากฉีดไปแล้ว โดยฟิลเลอร์จะใช้เวลาประมาณ 7-14 วันเพื่อเซตตัว และผลลัพธ์สามารถคงอยู่ได้นานตั้งแต่ 6 เดือน – 2 ปี ขึ้นอยู่กับรุ่นและแบรนด์ที่เราเลือก

นอกจากนี้ หากฉีดฟิลเลอร์แล้วเกิดอาการอักเสบ จับตัวเป็นก้อน หรือให้ผลลัพธ์ที่ไม่เป็นที่พอใจ เราสามารถฉีดเอนไซม์ไฮยาลูรอนิเดส (Hyaluronidase) ซึ่งเป็นสารที่จะเข้าไปสลายฟิลเลอร์และทำให้ฟิลเลอร์ยุบตัวในเวลาเพียง 1-2 วัน

โบท็อกซ์กับฟิลเลอร์ ต่างกันอย่างไร

โบท็อกซ์กับฟิลเลอร์เป็นผลิตภัณฑ์สองตัวที่มีกลไกการทำงานต่างกันโดยสิ้นเชิงและแก้ปัญหาได้คนละจุด ตารางด้านล่างนี้ได้สรุปความแตกต่างที่ทุกคนควรรู้ก่อนตัดสินใจรับทรีตเมนต์ทั้งสองตัวนี้

 

Botox

Fillers

สาร/ตัวยา

Botulinum toxin A

Hyaluronic acid

จุดประสงค์หลัก

ลดริ้วรอย รอยเหี่ยวย่น ยกกระชับใบหน้า

ปรับรูปหน้า เติมร่องลึก ทำให้ผิวดูอิ่มฟู

บริเวณที่ฉีดได้

หน้าผาก ระหว่างคิ้ว ตีนกา แกนและปีกจมูก  กราม รอยย่นที่คอ 

หน้าผาก ขมับ ร่องใต้ตา แก้ม ร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก คาง ริมฝีปาก

วิธีการทำงาน

ทำงานกับสารสื่อประสาทที่จะส่งผลให้กล้ามเนื้อเคลื่อนไหวน้อยลง ไม่หดเกร็ง

ทำหน้าที่เติมเต็มปริมาตรให้กับชั้นผิว และช่วยเก็บความชุ่มชื้นให้เซลล์

ระยะเวลาก่อนเห็นผลชัดเจน

ผลลัพธ์เห็นได้ชัดเจนในเวลา 2-4 วัน

เห็นความเปลี่ยนแปลงได้ทันที แต่ผลลัพธ์ที่แท้จริงจะใช้เวลา 7-14 วัน

ระยะเวลาของผลลัพธ์

6-8 เดือนขึ้นอยู่กับรุ่นและยี่ห้อของโบท็อกซ์

ตั้งแต่ 6 เดือน - 2 ปี ขึ้นอยู่กับรุ่นและยี่ห้อของฟิลเลอร์

อาการ 24 ชม.หลังฉีด

มีรอยแดงและรอยช้ำจากเข็ม อาจมีอาการปวดหัวหรืออาการคล้ายไข้หวัด ใบหน้าอาจรู้สึกตึง หรือขยับได้น้อย

มีอาการบวม มีรอยแดงและรอยช้ำจากเข็ม ฟิลเลอร์จับเป็นก้อนทำให้หน้าไม่เท่ากัน

ข้อห้าม-ข้อควรปฎิบัติหลังฉีด

  • ไม่นอนราบอย่างน้อย 3 ชม.
  • งดออกกำลังกาย การอบซาวน่า และกิจกรรมที่ต้องออกแดด อย่างน้อย 48 ชม
  • งดทำทรีตเม้นนวดหน้าเป็นเวลา 2 สัปดาห์
  • ไม่สัมผัสใบหน้า แต่งหน้า หรือล้างหน้า อย่างน้อย 4-6 ชม.
  • งดออกกำลังกาย การอบซาวน่าและกิจกรรมที่ต้องออกแดด อย่างน้อย 48 ชม.
  • งดนวด บีบ หรือกดผิวบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์เป็นเวลา 2-3 วัน

ฉีดบ่อยแค่ไหน

สามารถฉีดได้ทุก 3-4 เดือน หรือตามคำแนะนำของแพทย์

สามารถฉีดได้ทุก 6-9 เดือน หรือตามคำแนะนำของแพทย์

ข้อจำกัด

หากฉีดในปริมาณมากเกินไปจะทำให้หน้าดูแข็ง ยิ้มไม่สุด ตึงและอาจเกิดอาการดื้อโบท็อกซ์

หากฉีดมากเกินไปจะให้ฟิลเลอร์จับเป็นก้อน หรือทำให้หน้าดูบวมและไม่สมส่วน

วิธีแก้ไข

ไม่สามารถฉีดสลายโบท็อกซ์ได้ แต่ผลลัพธ์จะหายไปเองตามอายุโบท็อกซ์

ฉีดสลายฟิลเลอร์ได้ด้วยไฮยาลูรอนิเดส

ราคาเริ่มต้นที่ EY Clinic

8,499 บาท ต่อ 100 ยูนิต (Nabota)

5,999 บาท ต่อ 1 cc (Neuramis)

คุณประโยชน์เฉพาะตัว

  • ฉีดเพื่อลดอาการปวดไมเกรนได้
  • ฉีดเพื่อลดเหงื่อใต้วงแขน แก้ปัญหารักแร้เปียก
  • ฉีดเพื่อให้กล้ามเนื้อน่องขา หรือแขนเรียวขึ้น
  • ฉีดเพื่อปรับรูปปากให้อวบอิ่มมีเนื้อ
  • ช่วยลดปัญหารอยแผลเป็นที่เกิดจากสิว และหลุมสิว
  • ช่วยแก้ปัญหาแก้มตอบ

ความเสี่ยงของโบท็อกซ์และฟิลเลอร์

ถึงโบท็อกซ์และฟิลเลอร์จะเป็นหัตถการที่ปลอดภัย ไม่ทิ้งแผลระยะยาว และไม่ต้องการการพักฟื้น แต่ความเสี่ยงของทรีตเมนต์ทั้งสองตัวก็เป็นสิ่งที่หมออยากให้ทุกคนรู้ไว้ก่อนจะตัดสินใจ

ในช่วง 24 ชม.แรกหลังจากการฉีดฟิลเลอร์และโบท็อกซ์ รอยเข็มที่อยู่บนใบหน้าจะยังไม่ผิดสนิท ซึ่งเสี่ยงต่อการติดเชื้อทางผิวหนัง คนที่ฉีดจึงจำเป็นต้องรักษาความสะอาด งดกิจกรรมที่ขับเหงื่อ และปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของแพทย์

นอกจากอาการช้ำเข็มแล้ว ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้หลังการฉีดโบท็อกซ์ได้แก่ อาการหนังตาตก (Eyelid drooping) กล้ามเนื้ออ่อนแรง (Muscle weakness) ทำให้ยิ้มไม่สุดหรือแสดงสีหน้าได้ไม่ชัดเจน อาการคล้ายไข้หวัด (Flu-like symptoms) และอาการปวดหัว แต่ผลข้างเคียงเหล่านี้พบได้ยากและจะหายไปเองภายใน 1-2 สัปดาห์

ในส่วนของฟิลเลอร์ ภาวะแทรกซ้อนที่มีโอกาสเกิดได้ ได้แก่ อาการฟิลเลอร์จับตัวเป็นก้อนหรือไหลไปยังยังส่วนอื่นของใบหน้า อาการฟิลเลอร์อุดตันเส้นเลือดซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะเนื้อตาย (Necrosis) หรือตาบอด

อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงของการเกิดภาวะแทรกซ้อนเหล่านี้จะมีน้อยมาก แค่เราเลือกทำหัตถการกับคลินิกที่ได้มาตรฐาน มีแพทย์เฉพาะทางผู้มีประสบการณ์ความรู้ และใช้ผลิตภัณฑ์ของแท้ 

โบท็อกซ์กับฟิลเลอร์ อันไหนดีที่สุด?

หมอขอสรุปอีกทีว่า โบท็อกซ์ทำงานโดยการลดการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อ ซึ่งจะช่วยปรับริ้วรอยและร่องลึกอย่าง ตีนกา ริ้วรอยย่นบนหน้าผากหรือรอยระหว่างคิ้วให้เรียบเนียน โบท็อกซ์ยังช่วยในการปรับผิวหน้าให้กระชับ เหมาะกับการยกหน้าหรือลิฟหน้าให้ดูเรียวขึ้น ลดความหย่อนของเหนียงและยังสามารถปรับรูปจมูกให้ดูเป็นสันชัดเจนขึ้น ในขณะที่อีกตัวเลือกหนึ่งของเราซึ่งก็คือ ฟิลเลอร์จะทำงานโดยการเติมเต็มปริมาตรให้ผิวและทำให้ผิวดูอิ่มฟูและเต่งตึง ฟิลเลอร์สามารถช่วยลดร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก ปรับแก้มให้เต็มเป็นแก้มลูกส้ม และยังทำให้ผิวดูชุ่มชื้นและดูอ่อนวัย

แล้วระหว่างโบท็อกซ์กับฟิลเลอร์ เราควรเลือกฉีดอันไหน?

ตรงนี้ขึ้นอยู่กับว่าผลลัพธ์ที่เราอยากได้นั้นคืออะไร ทรีตเมนต์ทั้งสองตัวแก้ปัญหากันคนละจุด ฉะนั้นอันที่เหมาะกับเราที่สุดก็คืออันที่สามารถแก้ไขปัญหาของผิวของเรา และเราสามารถขอคำปรึกษาจากแพทย์ผู้ดูแลเพื่อประกอบการตัดสินใจก่อนเลือกได้เสมอ ซึ่งหากคุณฝากใจไว้กับ EY Clinic หมอผึ้งกับทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทุกคนก็ยินดีให้ความช่วยเหลือคุณอย่างเต็มที่แน่นอน

โบท็อกซ์กับฟิลเลอร์ ฉีดพร้อมกันได้ไหม

อย่างที่ได้สรุปกันไปว่า โบท็อกกับฟิลเลอร์สามารถช่วยแก้ปัญหาได้คนละจุดด้วยวิธีการที่ต่างกัน เพราะฉะนั้นเราสามารถฉีดทั้งสองตัวพร้อมกันได้เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด โดยโบท็อกซ์จะช่วยยกกระชับใบหน้าผ่านการบล็อกการหดเกร็งของกล้ามเนื้อ ช่วยให้หน้าไม่เหี่ยวย่น และฟิลเลอร์จะช่วยเติมเต็มความเอิ่บอิ่มและคืนความอ่อนวัยให้ผิวอย่างเป็นธรรมชาติ

การฉีดโบท็อกซ์และฟิลเลอร์พร้อมกันยังเป็นคอมโบทรีตเมนต์ที่เหมาะสมกับหลายกรณี เช่น ปัญหาร่องแก้มลึกที่เกิดจากการยิ้มบ่อย ๆ แพทย์ผู้ดูแลอาจเลือกใช้โบท็อกซ์ในปริมาณเล็กน้อยเพื่อลดการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อบางส่วนของแก้ม ก่อนจะเติมฟิลเลอร์เพื่อยกร่องแก้มให้เต็ม และทำให้รอยยิ้มของเรายังสวยเป็นธรรมชาติ ไม่ตึงจนเกินไป และผลลัพธ์ยังอยู่ได้นานกว่าแค่ฉีดโบท็อกซ์อย่างเดียวอีกด้วย

แต่อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจตรงนี้ควรอยู่ภายใต้การพิจารณาของหมอที่ดูแลเคสของเราเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เหมาะสมกับเราที่สุด และอีกสิ่งหนึ่งที่ลืมไม่ได้คือ เราควรตรวจเช็กข้อมูลของคลินิกที่เรากำลังจะเข้าใช้บริการให้แน่ใจว่าเป็นคลินิกที่มีมาตรฐาน ใช้ผลิตภัณฑ์ของแท้ ไม่เจือจางยา และมีแพทย์อยู่ประจำ ที่ EY Clinic เองก็มีทีมแพทย์ผู้มีประสบการณ์ด้านโรคผิวหนัง เวชศาสตร์ชะลอวัย และเวชศาสตร์ฟื้นฟู ที่พร้อมจะดูและ ให้คำปรึกษา และมอบการรักษาที่ดีที่สุดให้กับคุณ

รีวิวจากผู้ใช้บริการ EY Clinic

เราอยากให้คุณดูดี และรู้สึกดีทุกวัน
เรามีทรีตเมนต์หลากหลายที่ออกแบบมาเพื่อส่งเสริมสุขภาพโดยรวมของคุณ ตั้งแต่การดูแลผิวไปจนถึงโภชนาการ เรามีทุกสิ่งที่คุณต้องการเพื่อให้คุณรู้สึกดีที่สุด