ฉีดโบลดริ้วรอยที่จุดไหนได้บ้าง เห็นผลในกี่วัน และมีข้อดี-ข้อเสียอะไรบ้าง?
ฉีดโบลดริ้วรอยที่จุดไหนได้บ้าง เห็นผลในกี่วัน และมีข้อดี-ข้อเสียอะไรบ้าง?
ปัจจุบันการฉีดโบลดริ้วรอยถือเป็นหนึ่งในวิธีคืนความอ่อนเยาว์ให้กับทั้งคุณผู้หญิงและผู้ชายที่ได้รับความนิยมเอามาก ๆ เพราะหลังฉีดโบท็อกซ์แล้วเห็นผลได้เร็วมากแถมยังไม่ต้องพักฟื้นอีกต่างหาก และที่สำคัญก็คือการฉีดโบลดริ้วรอยนั้นไม่ได้ราคาแพงอย่างที่หลายคนเข้าใจเลย
เพื่อให้คุณสามารถตัดสินใจฉีดโบลดริ้วรอยได้อย่างมั่นใจ ก่อนอื่นต้องทำการศึกษาก่อนว่าการฉีดโบท็อกซ์สามารถฉีดที่จุดไหนได้บ้าง เมื่อฉีดแล้วกี่วันถึงจะเห็นผล รวมทั้งมีข้อดี-ข้อเสียอะไรบ้าง และต่อจากนี้เราจะพาคุณไปทำความเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดที่เกริ่นมาเกี่ยวกับการฉีดโบท็อกซ์เพื่อลดริ้วรอยให้คุณเอง
โบท็อกซ์ลดริ้วรอย ได้อย่างไร?
โบท็อกซ์หรือชื่อเต็มว่า โบทูลินัม ท็อกซิน เอ (Botulinum toxin A) ที่ฉีดไปยังบริเวณที่ต้องการลดริ้วรอย โดยมีกลไกการออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท ส่งผลให้กล้ามเนื้อเกิดการคลายตัว ซึ่งผลที่ได้ก็คือริ้วรอยที่เหี่ยวย่นจะถูกคลี่ออก จากเดิมที่คุณเคยยิ้มหรือขยับสีหน้าตามปกติแล้วจะมีการพับของผิว แต่หลังจากฉีดโบท็อกซ์ริ้วรอยแล้วรอยยับที่เคยมีอยู่จะค่อย ๆ จางและเลือนหายไปอย่างได้ผล
แต่สิ่งที่คุณควรรู้ไว้ก็คือการฉีดโบลดริ้วรอยนั้นสามารถช่วยแก้ไขริ้วรอยที่อยู่ตื้น ๆ ได้เท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นริ้วรอยที่เกิดขึ้นจากการแสดงอารมณ์หรือสีหน้า เช่น การยิ้ม การขมวดคิ้ว ริ้วรอยบริเวณรอยย่นจมูกหรือแม้แต่รอยตีนกา แต่ถ้าเป็นกรณีของริ้วรอยลึก ๆ ที่มาจากสาเหตุกระดูกเกิดการทรุดตัว แบบนี้จะไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยการฉีดโบลดริ้วรอย แต่คุณควรเปลี่ยนไปใช้วิธีฉีดฟิลเลอร์เพื่อหนุนในชั้นผิวจะเห็นผลได้ดีกว่า
EY Clinic คัดสรรโบท็อกซ์แบรนด์ชั้นนำระดับโลก
ฉีดแล้วลดริ้วรอยได้อย่างเห็นผล ไม่ต้องพักฟื้นนาน
โบท็อกซ์ลดริ้วรอย สามารถฉีดที่จุดไหนได้บ้าง ?
- ฉีดโบท็อกซ์ลดริ้วรอยรอบดวงตาและใต้ตา
เริ่มต้นด้วยการฉีดโบลดริ้วรอยบริเวณรอบดวงตาและใต้ตา ที่ได้ชื่อว่าเป็นส่วนที่เกิดริ้วรอยได้ง่ายที่สุด แซงหน้าริ้วรอยส่วนอื่นบนใบหน้าเข้าวินเป็นที่ 1 เรียกว่าถ้ามีริ้วรอยบริเวณนี้ก็จะทำให้คุณดูอ่อนล้าและไม่ค่อยสดใสเท่าไหร่นัก
แน่นอนว่าการฉีดโบท็อกซ์สามารถลดริ้วรอยรอบดวงตา ริ้วรอยหางตา รอยตีนกา ได้อย่างเห็นผล เพราะโบท็อกซ์จะเข้าไปคลายกล้ามเนื้อในบริเวณดังกล่าวชั่วคราวและส่งผลให้ริ้วรอยดูจางลงนั่นเอง แต่ก็ต้องระวังไว้ว่าถ้าฉีดโบลดริ้วรอยที่รอบดวงตามากเกินไป อาจทำให้ตาดูแข็งและไม่เป็นธรรมชาติ
- ฉีดโบท็อกซ์ลดริ้วรอยหน้าผาก
หากคุณกำลังเจอปัญหายิ้มแล้วมีริ้วรอยเหี่ยวย่นขึ้นที่บนหน้าผากเวลายิ้มหรือแสดงสีหน้าและอารมณ์ การฉีดโบลดริ้วรอยก็สามารถที่จะช่วยคุณได้ในเรื่องนี้ เนื่องจากโบท็อกซ์ที่ฉีดเข้าไปในบริเวณหน้าผากจะช่วยคลายกล้ามเนื้อและลดริ้วรอยให้ดูจางลงอย่างเห็นได้ชัดนั่นเอง และทางที่ดีก็ควรฉีดให้ไวเพราะถ้าทิ้งไว้นานร่องริ้วรอยอาจลึกขึ้นเรื่อย ๆ กว่าตอนนี้ก็ได้
- ฉีดโบท็อกซ์ลดริ้วรอยระหว่างคิ้ว
ริ้วรอยระหว่างคิ้วนั้นเป็นอะไรที่เกิดขึ้นได้ง่ายมาก ๆ ไม่แพ้ริ้วรอยบริเวณอื่น เพียงแค่คุณขมวดคิ้วอยู่บ่อย ๆ ก็จะทำให้เกิดรอยย่นระหว่างคิ้วที่ใครก็เห็นได้ชัดเจนเพราะเป็นจุดที่ดึงดูดสายตาคน ซึ่งทำให้ใบหน้าของคุณดูแก่กว่าวัยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
แต่ว่าคุณก็สามารถฉีดโบลดริ้วรอยระหว่างคิ้วได้ เพื่อช่วยยับยั้งการหดตัวของกล้ามเนื้อและทำให้ผิวหนังมีความเรียบเนียนมากขึ้น ทั้งนี้ การฉีดโบท็อกซ์เพื่อลดริ้วรอยระหว่างคิ้วจะต้องทำโดยคุณหมอผู้เชี่ยวชาญ เนื่องจากบริเวณนี้มีกล้ามเนื้อท่ีซับซ้อนจนทำให้การฉีดโบท็อกซ์มีความยากและต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ
แก้ปัญหาอย่างตรงจุด วิเคราะห์ปัญหา พร้อมวางแผนการรักษาอย่างถูกต้อง
และปลอดภัย โดยแพทย์จาก EY Clinic
ฉีดโบลดริ้วรอยไปแล้วกี่วันถึงจะเห็นผล ?
จริงๆ แล้วการฉีดโบลดริ้วรอยจะเห็นผลเร็วหรือช้าล้วนขึ้นอยู่กับริเวณที่ฉีดโบท็อกซ์ เนื่องจากแต่ละจุดจะมีการออกฤทธิ์ที่แตกต่างกันอยู่เล็กน้อย ซึ่งจะขึ้นอยู่กับยี่ห้อของโบท็อกซ์ที่เลือกใช้ร่วมด้วย ยิ่งไปกว่านั้น การเตรียมตัวก่อนฉีดและการดูแลตัวเองหลังฉีดโบท็อกซ์ก็จัดว่าเป็นอีกปัจจัยที่ส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของโบลดริ้วรอยอีกด้วย และต่อจากนี้คือระยะเวลาหลังฉีดโบท็อกซ์ในบริเวณต่างๆ แล้วจะเห็นผล
- บริเวณกล้ามเนื้อที่มีการขยับ
หลังจากที่คุณรับการฉีดโบลดริ้วรอยที่บริเวณกล้ามเนื้อมัดที่มีการขยับแล้ว จะเริ่มเห็นผลในช่วง 3-7 วัน และออกฤทธิ์ลดริ้วรอยได้เต็มประสิทธิภาพภายใน 14 วัน ซึ่งจะมีข้างเคียงทำให้กล้ามเนื้อในจุดที่ฉีดขยับน้อยลงหรือขยับไม่ได้เลย แน่นอนว่าคุณสามารถแจ้งคุณหมอก่อนได้ว่าต้องการความตึงระดับไหน
- บริเวณริ้วรอยเล็ก ๆ บนผิวหน้า
หากคุณฉีดโบท็อกซ์ในบริเวณที่มีริ้วรอยเล็กๆ ก็จะใช้เวลานานกว่าบริเวณกล้ามเนื้อที่มีการขยับ โดยอยู่ราว 4-6 สัปดาห์ ก็จะเห็นผลช่วยลดริ้วรอยได้แบบเต็มที่ เนื่องจากต้องรอให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนขึ้นมาเพื่อเติมเต็มในร่องริ้วรอยที่เคยโดนพับตอนที่กล้ามเนื้อทำงานเยอะ ๆ และถ้าผู้ที่ฉีดโบลดริ้วรอยมีอายุมากก็จะเห็นผลได้ช้ากว่าคนที่มีอายุน้อย
ข้อห้ามหลังฉีดโบลดริ้วรอยที่คุณไม่ควรทำเด็ดขาด
1. ห้ามนอนราบเป็นเวลา 3 ชั่วโมงหลังจากฉีดโบท็อกซ์
สิ่งแรกที่คุณควรทำตามอย่างเคร่งครัดก็คือ 3 ชั่วโมงหลังจากฉีดโบท็อกซ์แล้วห้ามนอนราบเด็ดขาด เพราะส่งผลให้โบท็อกซ์ที่ทำการฉีดไปแล้วมีโอกาสไหลไปยังบริเวณอื่นๆ ที่ไม่ต้องการให้โบท็อกซ์ออกฤทธิ์ได้
2. ห้ามอยู่ในที่ที่มีอากาศร้อนหรือทำกิจกรรมใด ๆ ที่ทำให้มีความร้อนบริเวณใบหน้า
อย่างต่อมาก็คือคุณห้ามไปอยู่ในที่ที่มีความร้อนสูง เช่น เล่นโยคะร้อน ไปเข้าซาวน่า ยืนทำอาหารหน้าตาที่มีไฟแรง รวมถึงการทำเลเซอร์ต่าง ๆ เหล่านี้ทั้งหมดงดไปเลยเป็นเวลา 2 สัปดาห์หลังฉีด
3. รายชื่ออาหารที่คุณห้ามกินหลังฉีดโบลดริ้วรอย
- ห้ามกินแอลกอฮอล์ทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นเหล้า เบียร์ ไวน์ โซจู หรือเหล้าหมักต่าง ๆ และงดสูบบุหรี่ด้วย
- ห้ามกินปิ้งย่าง ชาบู หมูกระทะ ที่ต้องไปนั่งหน้าเตาร้อน ๆ
ข้อดี-ข้อเสีย ของการฉีดโบลดริ้วรอยมีอะไรบ้าง ?
ข้อดีของการฉีดโบท็อกซ์เพื่อลดริ้วรอย
- เห็นผลการช่วยลดริ้วรอยที่ช่วยให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ได้รวดเร็วภายใน 7-14 วันเท่านั้น
- ช่วยให้ผู้ที่ฉีดเกิดความมั่นใจและมีใบหน้าที่ดูดีมากยิ่งขึ้น
- เป็นการป้องกันไม่ให้เกิดริ้วรอยใหม่ที่อาจมีขึ้นมาอีกในอนาคตได้
- ฉีดโบลดริ้วรอยแล้วสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ ไม่เจ็บ ไม่มีแผล และไม่ต้องพักฟื้น
- การฉีดโบท็อกซ์ของแท้ที่ผ่านการรับรองจากอย. จะไม่ทิ้งสารตกค้างใด ๆ ในร่างกาย
ข้อเสียของการฉีดโบท็อกซ์เพื่อลดริ้วรอย
- หากอยากให้การลดริ้วรอยคงประสิทธิภาพเดิมเอาไว้ได้นาน ๆ จะต้องฉีดโบท็อกซ์เป็นประจำ เพราะผลลัพธ์อยู่ชั่วคราวตั้งแต่ 4 เดือนจนถึง 8เดือน ขึ้นอยู่กับความลึกของริ้วรอยและโบท็อกซ์ที่ใช้
- มีโอกาสเกิดผลข้างเคียงลามไปยังบริเวณที่ไม่ต้องการ หากคนที่ฉีดไม่ใช่คุณหมอที่มีประสบการณ์ อาจเกิดการฉีดผิดจุด จนทำให้หน้าแข็งยิ้มได้ยาก รวมถึงมีคิ้วตก คิ้วกระดก หรือหนังตาตกได้
- อาจเจอโบท็อกซ์ปลอมที่ตัวสารไม่ได้บริสุทธิ์จนก่อให้เกิดอาการแพ้ตามมา รวมถึงผลลัพธ์ที่ได้อาจไม่ช่วยให้ริ้วรอยหายไป แถมยังเสี่ยงต่อการดื้อยา ที่หากฉีดโบท็อกซ์เพื่อแก้ไขด้วยโบท็อกซ์ของแท้ก็จะไม่ได้ผลในเรื่องการลดริ้วรอยอย่างน่าเสียดาย
อาการดื้อโบท็อกซ์คืออะไร และป้องกันอย่างไรไม่ให้ดื้อยา ?
อาการดื้อโบท็อกซ์เป็นอะไรที่ใครก็ไม่อยากให้เกิดขึ้นกับตัวเอง เพราะนี่คืออาการที่ร่างกายได้สร้างภูมิต้านทานโบท็อกซ์ขึ้นมา ด้วยการส่งเม็ดเลือดขาวมาทำลาย ส่งผลให้ร่างกายไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยโบท็อกซ์เหมือนเดิม เนื่องจากโบท็อกซ์จะไม่สามารถออกฤทธิ์ลดการทำงานของกล้ามเนื้อได้ ส่งผลให้ผู้ที่รักษาริ้วรอยด้วยโบท็อกซ์จะไม่สามารถฉีดโบเพื่อลดริ้วรอยได้อีก
อาการดื้อโบท็อกซ์สามารถแก้ไขได้หรือไม่ ?
ขอบอกตามตรงว่าหากใครที่มีอาการดื้อโบท็อกซ์แล้วจะสามารถแก้หรือจัดการกับภูมิต้านทานที่ถูกสร้างขึ้นมาได้ยากหรือแม้แต่การเปลี่ยนไปใช้ยี่ห้อโบท็อกซ์ที่ไม่เคยฉีดมาก่อนก็ไม่สามารถจัดการกับปัญหานี้ได้เช่นกัน และวิธีที่ดีที่สุดก็คือคุณควรหาวิธีป้องกันไม่ให้เกิดอาการดื้อโบท็อกซ์ตั้งแต่เนิ่น ๆ นั่นเอง
3 วิธีป้องกันไม่ให้เกิดอาการดื้อโบท็อกซ์
- ปรึกษาคุณหมอที่เข้าใจเรื่องการฉีดโบท็อกซ์ เพื่อเลี่ยงปัญหาฉีดโบลดริ้วรอยในปริมาณมากเกินไป เนื่องจากโบท็อกซ์แต่ละยี่ห้อมีประสิทธิภาพในการลดริ้วรอยที่แตกต่างกัน ซึ่งต้องใช้ปริมาณให้เหมาะสมกับจุดที่ฉีดในทุกครั้ง
- หลีกเลี่ยงการฉีดโบท็อกซ์บ่อยเกินไป แนะนำให้เว้นระยะห่างสัก 3 เดือน พร้อมกับเลือกยี่ห้อโบท็อกซ์ที่สามารถออกฤทธิ์ได้ยาวนานกว่า
- ไม่แนะนำให้เปลี่ยนยี่ห้อโบท็อกซ์ที่ใช้ฉีดบ่อย รวมถึงหลีกเลี่ยงการใช้โบท็อกซ์ที่ไม่ได้มาตรฐาน เพื่อป้องกันไม่ให้ร่างกายสร้างภูมิต้านทานจนเกิดอาการดื้อโบท็อกซ์
เราใส่ใจทุกรายละเอียด พร้อมมอบคำแนะนำก่อนและหลังฉีดโบ
ที่จะทำให้ Botox อยู่กับคุณได้นานที่สุด
ฉีดโบลดริ้วรอยที่ EY Clinic กระชับผิวได้รวดเร็วและปราศจากผลข้างเคียง โดยแพทย์ที่มีประสบการณ์รวมกว่า 30 ปี
มาถึงตรงนี้คุณคงเข้าใจแล้วว่าฉีดโบลดริ้วรอยนั้นช่วยให้คุณมีใบหน้าที่ดูอ่อนเยาว์แลดูกระชับขึ้นได้อย่างไร รวมถึงรายละเอียดต่าง ๆ ที่ทำให้คุณสามารถตัดสินใจฉีดโบท็อกซ์ลดริ้วรอยได้อย่างมั่น ยิ่งหากคุณได้ฉีดโบลดริ้วรอยกับแพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนังและเวลล์เนสที่มีประสบการณ์รวมกว่า 30 ปีจากสถาบันชั้นนำของประเทศของ EY Clinic ที่ใช้โบท็อกซ์แท้คุณภาพสูงที่ผ่านการรับรองจาก อย. ก็ยิ่งทำให้คุณมั่นใจในผลลัพธ์และได้รับความคุ้มค่าอย่างแน่นอน นัดหมายฉีดโบท็อกซ์กับเราได้ที่ LINE Official: @EyclinicTH