รักษาหลุมสิว
Sep 23, 2024
0
min read

อัปเดต 2024 เลเซอร์หลุมสิว มีกี่แบบ อะไรบ้าง?

อัปเดต 2024 เลเซอร์หลุมสิว มีกี่แบบ อะไรบ้าง?

ถ้าถามว่า เลเซอร์หลุมสิวมีกี่แบบ หมอขอบอกเลยว่า ในปัจจุบัน เทคโนโลยีเลเซอร์รักษาหลุมสิวมีหลากหลายแบบทั้ง Fractional RF, Microneedle RF, CO2, Picosecond Laser และเลเซอร์อื่น ๆ ซึ่งแต่ละตัวก็มีคุณสมบัติที่แตกต่างกันออกไปค่ะ

สรุปใจความสำคัญ

  • เลเซอร์ เป็นวิธีการรักษาหลุมสิวที่มีประสิทธิภาพสูง ทำได้ง่าย และมีความเสี่ยงต่ำ
  • เลเซอร์หลุมสิวมีอยู่มากมายในปัจจุบัน ซึ่งสามารถจำแนกได้เป็น 3 กลุ่มใหญ่ ๆ ได้แก่ เลเซอร์แบบ Ablative เลเซอร์แบบ Non-ablative และ Radiofrequency (RF)
  • เลเซอร์รักษาหลุมสิวแต่ละแบบมีหลักการทำงานที่ต่างกัน โดยเลเซอร์แบบ Ablative ขึ้นจะชื่อเรื่องประสิทธิภาพในการรักษาหลุมสิวที่ลึกและรุนแรง แต่ก็จะตามมาด้วยระยะพักฟื้นที่ยาวนานและโอกาสของผลข้างเคียงที่สูงกว่า
  • การรักษาหลุมสิวด้วยเลเซอร์ ยังสามารถช่วยฟื้นฟูผิวให้กระชับ เรียบเนียน และจัดการกับปัญหาผิวอื่น ๆ ได้เช่น ริ้วรอย สิว ฝ้า กระ และจุดจ่างดำ

ก่อนที่เราจะไปดูว่า เลเซอร์หลุมสิวมีกี่แบบ เรามาทำความเข้าใจหลักการทำงานของเลเซอร์ในการรักษาหลุมสิวกันก่อนค่ะ

เลเซอร์ รักษาหลุมสิวได้อย่างไร

เลเซอร์รักษาหลุมสิว คือ การใช้พลังงานเข้มข้นเพื่อสร้างแผลจุดเล็ก ๆ (Micro-injuries) บนชั้นเนื้อเยื่อผิวของเราค่ะ โดยร่างกายจะตอบสนองด้วยกระบวนการสมานแผล (Wound-healing) ซึ่งนำไปสู่การฟื้นฟูผิวจากภายใน โดยหลักการทำงานของเลเซอร์รักษาหลุมสิวมีคร่าว ๆ ดังนี้ค่ะ

  • เมื่อพลังงานจากเครื่องยิงเลเซอร์ถูกส่งผ่านเข้าไปในชั้นผิว พลังงานจะแปรเปลี่ยนเป็นความร้อน ซึ่งกระตุ้นให้เซลล์ผลิตคอลลาเจนมากขึ้น (Collagen Stimulation) ซึ่งคอลลาเจนถือเป็นองค์ประกอบหลักที่จะทำให้ผิวกระชับ และยืดหยุ่นมากขึ้นค่ะ
  • เกิดการสร้างเซลล์ใหม่ (Cell Proliferation) ซึ่งจะเข้ามาทดแทนในส่วนของเนื้อเยื่อบริเวณหลุมสิว
  • เกิดการปรับโครงสร้างของเส้นใยคอลลาเจน โปรตีนต่าง ๆ และเซลล์ผิว (Skin Remodeling) ซึ่งจะค่อย ๆ แสดงผลลัพธ์เป็นผิวที่เรียบเนียนมากขึ้น และหลุมสิวที่จางลงค่ะ

เลเซอร์หลุมสิว มีกี่แบบ

ถ้าถามว่า เลเซอร์รักษาหลุมสิวมีกี่แบบ หมอต้องตอบเลยว่าเยอะมากค่ะ ด้วยเทคโนโลยีวงการการแพทย์ที่พัฒนาขึ้นไปทุกวัน แต่หมอขอแบ่งเลเซอร์รักษาหลุมสิวเป็น 3 แบบหลัก ๆ ได้แก่ เลเซอร์แบบ Ablative กับ เลเซอร์ Non-ablative และ Radiofrequency ค่ะ

เลเซอร์ Ablative

“Ablative” หมายถึง ความสามารถในการทำให้ผิวชั้นบน “ระเหย” (Tissue Vaporization) ออกไป เพื่อให้เกิดการผลัดชั้นผิวใหม่ (Resurfacing) ค่ะ ซึ่งเลเซอร์จะให้พลังงานความร้อนสูงเพื่อขจัดชั้นผิวด้านบนออก และกระตุ้นให้ผิวด้านล่างเกิดการผลิตคอลลาเจนค่ะ

ซึ่งเราสามารถแบ่งเลเซอร์ Ablative ได้ออกเป็น 2 แบบย่อย ๆ ดังนี้ค่ะ 

Full-Field Ablative Laser Resurfacing

ประเภทนี้จะเป็นเลเซอร์ที่สามารถลอกชั้นผิวหนังพร้า (Epidermis) ได้ทั่วบริเวณรักษาค่ะ ซึ่งจะเป็นการกระตุ้นการผลิตและจัดเรียงตัวของคอลลาเจนในชั้นหนังแท้ (Dermis) จึงมีประสิทธิภาพในการรักษาหลุมสิวที่มีจำนวนมาก ลึก และรุนแรง รวมถึงปัญหาผิวอื่น ๆ อย่าง ฝ้า กระ และริ้วรอยร่องลึกค่ะ 

แต่เพราะเป็นการลอกผิวแบบนี้ โอกาสของการเกิดรอยแดง รอยไหม้ หรือรอยแผลเป็นแบบนูน (Hypertrophic scars) ก็ย่อมมากขึ้นไปด้วย อีกทั้งยังใช้เวลาพักฟื้นนาน โดยอาจนานถึง 3-6 เดือนก่อนที่จะเผยผลลัพธ์ที่ชัดเจนค่ะ การทำเลเซอร์หลุมสิวแบบ Full-field ablative จึงไม่เป็นที่นิยม และไม่ใช่ตัวเลือกการรักษาหลุมสิวที่เป็นที่นิยมในคลินิกในไทย

Fractional Ablative Laser Resurfacing

“Fractional” หมายถึง ความสามารถในการรักษาเฉพาะจุดค่ะ โดยตัวเลเซอร์จะทำให้เนื้อเยื่อเกิดการระเหยแต่เพียงจุดเล็ก ๆ แต่มีความลึกถึงชั้นหนังแท้เหมือนกับเลเซอร์ Full-field แต่มีโอกาสการเกิดรอยแดง รอยไหม้ และรอยแผลเป็นที่น้อยกว่า และใช้เวลาพักฟื้นสั้นกว่าด้วยค่ะ 

ผลข้างเคียงของเลเซอร์ Fractional Ablative ที่พบได้บ่อย ได้แก่ อาการบวมแดง ระคายเคือง และอาจเกิดการตกสะเก็ดบริเวณที่รักษา ซึ่งจะบรรเทาลงไปเองภายใน 1-2 สัปดาห์ค่ะ

โดยตัวอย่างของเลเซอร์ Fractional ablative ที่เป็นที่นิยมในไทย คือ Fractional CO2 ซึ่งเหมาะกับคนที่มีปัญหาหลุมสิวที่ลึกและรุนแรง โดยเฉพาะ Rolling และ Boxcar อีกทั้งยังช่วยแก้ปัญหาผิวอย่าง ไฝ กระเนื้อ สิวข้าวสาร และ ลดริ้วรอยเล็ก ๆ ได้ด้วยค่ะ

เลเซอร์ Non-ablative

Non-ablative เป็นเลเซอร์ใช้ความร้อนเพื่อกระตุ้นคอลลาเจนและกระบวนการสมานแผลบริเวณหลุมสิว โดยไม่มีการลอกหรือกำจัดผิวชั้นนอกสุดค่ะ เลเซอร์แบบนี้จึงจะไม่ทำให้ “หน้าบาง” และมีความเสี่ยงในเรื่องของผิวไหม้คล้ำจากหัตถการ (Hyperpigmentation) ที่ต่ำค่ะ 

ระยะเวลาในการพักฟื้นและเผยผลลัพธ์ของเลเซอร์หลุมสิวแบบ Non-ablative จึงจะสั้นกว่า และยังให้ความเสี่ยงของการเกิดผิวไหม้หลังทำที่น้อยกว่าด้วยค่ะ แต่ประสิทธิภาพในการรักษาหลุมสิว ก็จะไม่เทียบเท่าเลเซอร์แบบ Ablative ค่ะ 

เราจึงมักเห็นเลเซอร์ Non-ablative ถูกใช้เพื่อการกำจัดขนหรือปัญหาผิวที่เกิดจากเม็ดสีมากกว่าค่ะ เช่น Long-pulsed NdYAG ที่เป็นตัวเลือกของการกำจัดขนถาวร หรือ Picosecond Laser ที่เป็นตัวช่วยลบจุดด่างดำ ปรับสีผิว และลบรอยสักค่ะ

Radiofrequency

เทคโนโลยีประเภทนี้เป็นการใช้คลื่นวิทยุ (Radiofrequency, RF) ในการรักษาหลุมสิว แทนที่จะเป็นพลังงานแสงค่ะ โดยคลื่นวิทยุที่ถูกส่งเข้าสู่ชั้นผิวจะแปรเปลี่ยนเป็นพลังงานความร้อน (55-65°C) ซึ่งกระตุ้นให้ผิวเข้าสู่กระบวนการสมานแผล และการผลิตคอลลาเจนค่ะ 

โดยเราสามารถแบ่งการรักษาหลุมสิวแบบ Radiofrequency ได้เป็น 2 ประเภท ตามวิธีการส่งผ่านคลื่นเข้าสู่ผิวหนัง ดังนี้ค่ะ

No-needle Fractional RF

No-needle Fractional RF คือ การยิงคลื่น RF เข้าสู่ชั้นผิวแบบไม่ใช้เข็ม ซึ่งจะโฟกัสพลังงานไปที่ชั้นหนังแท้ โดยไม่ทำร้ายผิวชั้นบนค่ะ ซึ่งข้อดีของ Fractional RF แบบไม่ใช้เข็ม ก็คือ จะไม่ทำให้หน้าบาง และมีโอกาสที่จะเกิดรอยไหม้น้อยค่ะ 

ตัวอย่างของเลเซอร์ลักษณะนี้ได้แก่ e-Matrix ที่เหมาะกับหลุมสิวระดับความรุนแรงน้อยถึงปานกลาง และ ปัญหาผิวอย่าง จุดด่างดำ ริ้วรอย หรือ รอยดำจากแดดค่ะ 

เลเซอร์ Fractional RF รักษาหลุมสิว อีกหนึ่งตัวที่ถือว่าขึ้นชื่อเรื่องประสิทธิภาพและความปลอดภัย ก็คือ Venus Viva ค่ะ ซึ่งมีเทคโนโลยี NanoFractional™ Radiofrequency ที่ส่งผ่านคลื่นเข้าสู่ชั้นผิวด้วยหัว pin ขนาดจิ๋ว (300 นาโนเมตร) ทำให้คลื่นวิทยุสามารถเข้าถึงเนื้อเยื่อชั้นลึกและกระจายตัวได้อย่างสม่ำเสมอค่ะ

Microneedle Fractional RF

Microneedle เป็นอีกเทคนิคการใช้เข็มเล็ก ๆ (ขนาด 0.5-3 มิลลิเมตร) จิ้มลงที่ชั้นผิวเพื่อส่งผ่านคลื่นวิทยุ โดยจะทำให้คลื่น RF เข้าสู่ชั้นผิวได้ลึกได้มากกว่าแบบ No-needle และทั่วถึงกว่า และยังเป็นการสร้างแผลขนาดเล็ก (Micro-injuries) ซึ่งเป็นวิธีกระตุ้นกระบวนการสมานแผลอีกทางด้วยค่ะ 

ตารางเปรียบเทียบเลเซอร์แต่ละประเภท

ประเภทของเลเซอร์

หลักการทำงาน

ประสิทธิภาพในการรักษาหลมสิว

เวลาพักฟื้นและผลข้างเคียง

เลเซอร์ Ablative

Full-field Ablative 

ขจัดหรือลอกผิวชั้นหนังกำพร้าทั้งบริเวณที่รักษาด้วยพลังงานแสง เพื่อกระตุ้นคอลลาเจนและเผยผิวใหม่ (Resurfacing)

แก้ปัญหาหลุมสิวที่ลึกและรุนแรงได้ดี 

ใช้เวลาพักฟื้นนาน 1-2 สัปดาห์ และมีความเสี่ยงของผลข้างเคียงสูง เช่น ผิวไหม้หลังหัตถการ รอยแดง หรือ สีผิวไม่สม่ำเสมอกันสูงจึงไม่เป็นที่นิยมในการรักษาหลุมสิว

Fractional Ablative 

เช่น Fractional CO2

ลอกผิวชั้นหนังกำพร้าออกเป็นจุดเล็ก ๆ เพื่อกระตุ้นคอลลาเจนและผลิตเซลล์ผิวใหม่

เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาหลุมสิวระดับปานกลาง โดยเฉพาะหลุมสิวประเภท rolling และ boxcar

สามารถแก้ปัญหาผิวอื่น ๆ เช่น สิวข้าวสาร สิวอุดตัน และริ้วรอยเล็ก ๆ ได้ 


ใช้เวลาพักฟื้นประมาณ 1-2 สัปดาห์ โดยผลข้างเคียงที่พบบ่อยได้แก่ อาการบวมแดง และระคายเคือง





เลเซอร์ Non-ablative

Non-ablative

เช่น Long-pulsed NdYAG, Pico laser

กระตุ้นคอลลาเจนและกระบวนการสมานแผลด้วยความร้อนโดยไม่ลอกผิวชั้นบน

สามารถแก้ไขปัญหาหลุมสิวที่ไม่รุนแรงและตื้นได้ 

นิยมใช้เพื่อการกำจัดขนหรือปัญหาผิวที่เกิดจากเม็ดสี เช่น จุดด่างดำ หรือรอยสัก

ใช้เวลาพักฟื้นประมาณ 1 สัปดาห์

Radiofrequency หรือ RF

No-needle Fractional RF

เช่น e-Matrix, Venus Viva MD


ยิงคลื่นวิทยุ (RF) เข้าสู่ชั้นผิว โดยโฟกัสพลังงานไปที่ชั้นหนังแท้ เพื่อกระตุ้นคอลลาเจนและกระบวนการสมานแผลโดยไม่ทำร้ายผิวชั้นบน


เหมาะกับหลุมสิวระดับความรุนแรงน้อยถึงปานกลาง รวมถึงสามารถแก้ปัญหาผิวอย่าง จุดด่างดำ ริ้วรอย หรือ รอยดำจากแดด


ต้องการเวลาพักฟื้นเพียง 1-2 วัน โอกาสการเกิดรอยไหม้หลังหัตถการต่ำ และความเจ็บปวดระหว่างทำหัตถการน้อย

Microneedle Fractional RF

เช่น Fractora, Sylfirm X


ใช้เข็มขนาดเล็กในการส่งคลื่นวิทยุ ซึ่งทำให้คลื่นลงสู่ชั้นผิวได้ลึก และสร้าง Micro-injuries ซึ่งช่วยกระตุ้นกระบวนการสมานแผลมากขึ้น


เหมาะกับหลุมสิวประเภท rolling และ boxcar และสามารถช่วยแก้ปัญหาริ้วรอยร่องลึก ร่องตื้น และรูขุมขนไม่กระชับได้


ต้องการเวลาพักฟื้นเพียง 3-4 วัน โดยผลข้างเคียงที่พบบ่อยได้แก่ ผิวหนังบริเวณที่รักษามีอาการรู้สึกระคายเคือง แห้ง หรือมีสีเข้มลง 

 



รักษาหลุมสิวที่ EY Clinic

ได้เรียนรู้ไปแล้วว่า เลเซอร์รักษาหลุมสิวมีกี่แบบ และแต่ะละแบบแตกต่างกันอย่างไร หมอคิดว่า อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญมาก ๆ สำหรับคนที่กำลังอยากจะดูแลผิวหน้าและรักษาหลุมสิวของตัวเอง ก็คือ การเลือกรับบริการจากคลินิกที่ได้มาตรฐานค่ะ เพราะถึงแม้ว่าการทำเลเซอร์หลุมสิวจะเป็นการรักษาที่มีความเสี่ยงต่ำและมีประสิทธิภาพสูงก็จริง แต่หากได้รับการดูแลหรือคำแนะนำที่ไม่ถูกต้อง ก็อาจจะไม่สามารถให้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจได้ค่ะ 

สำหรับคนที่ต้องการดูแลเรื่องหลุมสิว สามารถเข้ามาปรึกษาหมอได้ที่ EY Clinic ค่ะ โดยเรามีโปรแกรมหลุมสิวที่ครอบคลุม และมีการวางแผนรักษาเพื่อให้เหมาะสมกับตัวบุคคลในทุกเคสค่ะ ทีมผู้เชี่ยวชาญของ EY Clinic พร้อมให้บริการอย่างใส่ใจ และยินดีอยู่กับคุณในทุกขั้นตอนการรักษาค่ะ

EY Clinic เป็นคลินิกที่เชี่ยวชาญด้านสิว หลุมสิว และ ชะลอวัย

เพราะเราคือทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์รวมกันมากกว่า 30 ปี นำทีมโดย หมอผึ้ง (พญ.พัจนภา เวชอนุรักษ์) แพทย์ผิวหนังเฉพาะทาง สถาบันโรคผิวหนัง Board of Dermatology and Dermatosurgery และ หมอโบว์ (พญ. พันธลี ชื่นสัมพันธ์) เวชศาสตร์ชะลอวัย American Board of Anti-Aging & Regenerative Medicine แพทยศาสตร์บัณฑิตโรงพยาบาลรามาธิบดียินดี ให้คำปรึกษาและช่วยดูแลให้ผิวของคุณมีสุขภาพดีมากขึ้นค่ะ

หมอหวังว่าบทความนี้จะช่วยให้ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับเลเซอร์รักษาหลุมสิวกับคนที่สนใจและต้องการดูแลผิวของตนเองได้ไม่มากก็น้อยค่ะ อย่างไรก็ดี หากมีข้อสงสัยสามารถแวะเข้ามาปรึกษาหมอผึ้งได้ที่ EY Clinic ค่ะ

รีวิวจากผู้ใช้บริการจริง

acne & acne scar expert
เรามีทรีตเมนต์หลากหลายที่ออกแบบมาเพื่อส่งเสริมสุขภาพโดยรวมของคุณ ตั้งแต่การดูแลผิวไปจนถึงโภชนาการ เรามีทุกสิ่งที่คุณต้องการเพื่อให้คุณรู้สึกดีที่สุด