โบท็อกซ์ เมโส ฟิลเลอร์
Oct 16, 2023
0
min read

รีจูรัน (Rejuran ©) คืออะไร? ไขความลับนวัตกรรมชุบผิวฉ่ำ ใส ไร้รอยสิว จากประเทศเกาหลี

รีจูรัน (Rejuran ©) คืออะไร? ไขความลับนวัตกรรมชุบผิวฉ่ำ ใส ไร้รอยสิว จากประเทศเกาหลี

รีจูรัน (Rejuran ©) คืออะไร? ไขความลับนวัตกรรมชุบผิวฉ่ำ ใส ไร้รอยสิว จากประเทศเกาหลี

เทรนด์หน้ากระจกหรือหน้าวาวฉ่ำน้ำกำลังเป็นเทรนด์ความงามที่ได้รับความนิยมสูงมากในประเทศไทย ซึ่งหนึ่งในทรีตเม้นต์ที่จะเสกหน้าให้เด้งฟู อิ่มน้ำได้ในเวลาสั้น ๆ ก็คงจะไม่พ้น รีจูรัน (Rejuran ©) เคล็ดลับความงามจากประเทศที่ช่วยกู้เซลล์ผิวและฟื้นฟูใบหน้าให้เต่งตึง กระจ่างใส ในบทความนี้ หมอผึ้งจะมาสรุปคร่าว ๆ ว่า ทรีทเมนต์ รีจูรัน ตัวนี้คืออะไร ช่วยให้หน้าเราอิ่มฟูได้อย่างไร และหมอยังรวบรวมข้อควรรู้ต่าง ๆ ของนวัตกรรมเกาหลีตัวนี้มาให้อ่านกันด้วย

รีจูรัน (Rejuran ©) คืออะไร

หลายคนอาจจะเข้าใจว่า รีจูรันก็เหมือนฟิลเลอร์ที่ฉีดเพิ่มให้หน้าดูฟู ดูอิ่มน้ำ แต่อันที่จริงแล้วรีจูรันคือสารสกัดโพลีนิวคลีโอไทด์จากปลาแซลม่อน นวัตกรรมจากประเทศเกาหลีที่ช่วยในเรื่องของการฟื้นฟู ปรับสมดุล และคืนความอ่อนวัยให้ผิวหน้า โดยมีงานวิจัยรับรองแล้วว่ารีจูรันสามารถช่วยลดปัญหาริ้วรอย ปัญหาผิวหมองคล้ำขาดความชุ่มชื้น และคืนความอ่อนวัย (Rejuvenation) ให้ผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ

รีจูรัน ทำงานอย่างไร

รีจูรันเป็นสารโพลีนิวคลีโอไทด์ (Polynucleotide หรือ PN) บริสุทธิ์ที่สกัดมาจากปลาแซลม่อน ซึ่งหมอจะขออธิบายคำว่าโพลีนิวคลีโอไทด์ ก่อน: โพลีนิวคลีโอไทด์คือสารประกอบตามธรรมชาติที่พบได้ในร่างกายของสิ่งมีชีวิต มีหน้าที่ควบคุมการทำงานและการเจริญเติบโตของเซลล์ตั้งแต่ระดับพันธุกรรม (ดีเอ็นเอของเราก็เป็นโพลีนิวคลีโอไทด์)

รีจูรัน ก็คือชิ้นส่วนโพลีนิวคลีโอด์ที่ดึงออกมาจากดีเอ็นเอของปลาแซลม่อน ซึ่งจะเข้าไปทำงานตามกระบวนการต่อไปนี้

  • กระตุ้นกระบวนการผลิตเซลล์ผิวใหม่ โดยเฉพาะเซลล์ Fibroblast ที่มีหน้าที่ผลิตคอลลาเจน โดยเป็นทำงานในระดับดีเอ็นเอ 
  • ทำให้เกิดหลั่ง Growth Factor ที่ช่วยในการซ่อมแซมและสร้างเนื้อเยื่อใหม่
  • มีคุณสมบัติในการลดการอักเสบ (Anti-inflammatory effects)
  • โพลีนิวคลีโอไทด์เข้าไปช่วยเสริมโครงสร้างให้สารเคลือบเซลล์ (Extracellular matrix หรือ ECM) และช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนและอีลาสตินทำให้ผิวมีความยืดหยุ่น ซึ่งงานวิจัยจากเกาหลีค้นพบว่า รีจูรันมีประสิทธิภาพในเพิ่มความยืดหยุ่นและเรียบเนียนให้กับผิวมากกว่าฟิลเลอร์
  • ช่วยให้ผิวชั้นหนังกำพร้า (Epidermis) และชั้นหนังแท้ (Dermis) หนาตัวขึ้น ซึ่งเป้นการสร้างเกราะป้องกันให้ผิวจากสิ่งแวดล้อม เช่น ฝุ่นควัน มลภาวะและแสงยูวีที่ทำให้หน้าแก่เร็ว 
  • กระตุ้นการสร้างเส้นเลือดฝอยใหม่ (Angiogenesis) ซึ่งช่วยในการสมานแผลและหล่อเลี้ยงให้เซลล์ทำงานได้อย่างเต็มที่

ชิ้นส่วนโพลีนิวคลีโอด์ในรีจูรันได้รับการรับรองแล้วว่า ปลอดภัยและทำงานเข้ากับร่างกายมนุษย์ได้ดี โดยไม่เกิดอันตราย และจะย่อยสลายไปตามกระบวนทางธรรมชาติเมื่อหมดอายุการใช้งาน โดยไม่ต้องกังวลว่าจะมีสารตกค้างสะสมในร่างกาย

รีจูรันช่วยเรื่องอะไรบ้าง

  • ปรับสมดุลให้ผิวและช่วยให้ผิวชุ่มชื้นอยู่ตลอดเวลา โดยสามารถเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวถึง 14.69 % หลังจบทรีทเมนต์
  • กระชับรูขุมขน 
  • ช่วยให้ริ้วรอยดูตื้นขึ้น
  • เพิ่มความยืดหยุ่น (Elasticity) โดยให้ผิวมากถึง 21.78% หลังจบทรีทเมนต์
  • แก้ปัญหาผิวหน้ามัน
  • ช่วยกำจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว
  • ยกกระชับใบหน้าให้ดูอ่อนเยาว์อยากเป็นธรรมชาติ
  • สร้างเกราะป้องกันที่ปกป้องผิวต่อมลภาวะ แสงแดด และปัจจัยทางสิ่งแวดล้อมต่าง ๆที่ทำให้ผิวเสื่อมสภาพเกินอายุ

รีจูรัน มีกี่ประเภท

รีจูรันที่อยู่ในท้องตลาดตอนนี้จะมี Rejuran Healer, Rejuran S, และ Rejuran I ซึ่งแต่ละตัวเป็นโพลีนิวคลีโอไทด์เหมือนกัน แต่จะถูกออกแบบมาเพื่อแก้ไขปัญหาคนละจุดกัน Rejuran S จะมีความเข้มข้นและเนื้อที่หนืดกว่า Rejuran Healer ซึ่งทำให้รุ่นนี้แก้ปัญหาแผลเป็นจากสิวได้ดี ส่วน Rejuran I จะมีเนื้อที่เบาบางซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อช่วยแก้ปัญหาริ้วรอยในพื้นที่ละเอียดอ่อนอย่าง ผิวรอบดวงตาและเปลือกตา

รีจูรัน เหมาะกับใครบ้าง

Rejuran Healer เหมาะกับ:

  • คนที่มีผิวมันหรือแห้ง ขาดความสมดุล
  • คนที่มีผิวบางและผิวแพ้ง่าย
  • คนที่ปัญหาผิวหน้าหมองคล้ำ ไม่สดใส
  • คนที่ต้องการกระชับรูขุมขน
  • คนที่มีปัญหาริ้วรอย
  • คนที่ต้องการผิวที่เต่งตึง อิ่มน้ำและกระจ่างใส
  • คนที่ต้องการการฟื้นฟูแบบรวดเร็ว เห็นผลไว
  • คนที่ต้องการคืนความออ่นวัยให้ผิวอย่างเป็นธรรมชาติ

Rejuran S เหมาะกับ:

  • คนที่มีแผลเป็นทั่วไปบนใบหน้า
  • คนที่มีปัญหาเรื่องหลุมสิว
  • คนที่มีแผลเป็นที่มีลักษณะเป็นรอยบุ๋ม

Rejuran I เหมาะกับ:

  • คนที่มีริ้วรอยรอบดวงตา
  • คนที่มีปัญหาใต้ตาคล้ำจากภูมิแพ้หรือกรรมพันธุ์
  • คนที่มีรอยย่นบนเปลือกตา ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ไม่สามารถแก้ไขด้วยฟิลเลอร์ได้

ฉีดรีจูรัน กี่วันเห็นผล อยู่ได้นานแค่ไหน

สำหรับคนที่เริ่มฉีดรีจูรันครั้งแรก หมอผึ้งขอแนะนำว่าให้ฉีด 3-4 ครั้ง โดยเว้นระยะห่าง 2-3 สัปดาห์ต่อครั้ง เราจะสามารถเห็นความเปลี่ยนแปลงได้ตั้งแต่ 3-5 วันหลังฉีดครั้งแรก การฟื้นฟูซ่อมแซมผิวเบื้องต้นจะใช้เวลาประมาณ 4 สัปดาห์ ซึ่งเราจะรู้สึกได้ว่าผิวเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ

ในช่วง 1 สัปดาห์แรกหลังฉีดเข็มสุดท้ายไปแล้ว จะเห็นได้ชัดเจนว่า ผิวมีความกระจ่างใส ชุ่มชื้น ริ้วรอยลดลง รูขุมขนกระชับขึ้น และผิวมีสุขภาพดีขึ้น ซึ่งหลังจากนี้เราสามารถกลับมาฉีดได้อีกทุก ๆ 3-6 เดือนเพื่อคงผลลัพธ์

การฉีดรีจูรันเป็นอย่างไร ฉีดครั้งละกี่ cc

หมอเริ่มต้นทรีตเมนต์ด้วยการให้ยาชาก่อน ซึ่งอาจใช้เวลา 30-45 นาทีในการออกฤทธิ์ จากนั้นก็จะเริ่มการฉีดรีจูรันเข้าชั้นหนังแท้ (Dermis) ด้วยเข็มขนาดเล็กโดยจะฉีดเป็นจุด ๆ ทั่วใบหน้าตั้งแต่ หน้าผาก ขมับ ระหว่างคิ้ว แก้ม รอบริมฝีปาก ไปจนถึงกราม หลังจากฉีดแล้ว จะทิ้งรอยเข็มที่มีลักษณะเหมือนจุดไข่ปลาเล็ก และจะใช้รีจูรันอยู่ที่ 2 cc 

หลังฉีดรีจูรันแล้ว ต้องดูแลตัวเองอย่างไร

อาการหลังฉีดรีจูรันจะคล้ายกับอาการหลังฉีดฟิลเลอร์ นั่นก็คือ บวมแดง ช้ำ และเจ็บระบมเล็กน้อย บางคนอาจจะรู้สึกว่าหน้าแห้ง ซึ่งอาการเหล่านี้จะหายไปเองภายใน 1-3 วัน หลังฉีดรีจูรันแล้วเราสามารถดูแลตัวเองได้ดังนี้

  • ทำความสะอาดใบหน้าด้วยผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนต่อผิว แต่ควรรอหลังฉีด 4-6 ชั่วโมงก่อนจะล้างหรือเช็ดหน้า
  • งดใช้เครื่องสำอางเป็นเวลาอย่างน้อย 24 ชั่วโมงหลังฉีด
  • หลีกเลี่ยงการออกกำลังกาย กิจกรรมออกแดด และการอบซาวน่าเป็นเวลา 48-72 ชั่วโมง
  • งดแว็กซ์ขนหรือทำทรีทเมนต์กำจัดขนด้วยเลเซอร์ ในช่วงที่ฉีดรีจูรัน หากจำเป็นต้องทำ ควรทำเป็นเวลา 1-2 สัปดาห์ก่อนฉีด

รีจูรันฉีดพร้อมโบท็อกซ์-ฟิลเลอร์ได้ไหม

โดยหลักการแล้ว ทรีตเมนต์เหล่านี้สามารถทำพร้อมกันได้ ตัวฟิลเลอร์เป็นไฮยาลูรอนิก แอซิดที่มาเข้าเติมเต็มปริมาตรของผิว ทำให้หน้าดูมีเนื้อ เต็มอิ่มและชุ่มชื้น และโบท็อกซ์ทำงานผ่านระบบประสาทของกล้ามเนื้อ ซึ่งช่วยแก้ปัญหาเรื่องความหย่อนคล้อยและริ้วรอย ทรีตเมนต์เหล่านี้จะแก้ปัญหาคนละจุดเมื่อเทียบกับรีจูรัน แต่หมออยากจะแนะนำว่า ไม่ควรทำทั้งสองตัวในวันเดียวกันเพราะจะทำให้เจ็บระบมและช้ำหลังฉีดมากเกินไป และควรเว้นระยะระหว่างทรีตเมนต์แต่ละตัวอย่างน้อย 1-2 สัปดาห์

ข้อจำกัด-ข้อควรระวัง: ใครไม่ควรฉีดรีจูรัน

  1. ผู้ที่มีอาการแพ้อาหารทะเลไม่ควรฉีด เนื่องจากรีจูรันเป็นสารที่สกัดมาจากปลาแซลม่อน
  2. ผู้ที่กำลังให้นมบุตรหรือกำลังตั้งครรภ์ยังไม่ฉีด ทั้งนี้ไม่ใช่ว่ารีรันเป็นอันตรายต่อเด็กแต่เป็นเพราะยังไม่มีการทดลองทางคลินิกมากพอที่จะประเมินผลข้างเคียงในคนกลุ่มนี้
  3. ผู้ที่ใช้ยาที่มีผลทำให้เลือดแข็งตัวช้า (Blood-thinners) ซึ่งได้แก่ ยาวาร์ฟาริน, ยากลุ่ม NSAIDS เช่น แอสไพริน ไอบูโพรเฟน นาพรอกเซนและ พอนแสตน 
  4. ผู้ที่รับประทานอาหารเสริมหรือสมุนไพรที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือดเช่น จินเส็ง และ พริมโรส-ออยล์ ควรงดใช้สมุนไพรเหล่านี้เป็นเวลา 1 สัปดาห์ก่อนฉีด
  5. ผู้ที่กำลังมีภาวะการอักเสบหรือติดเชื้อทางผิวหนังไม่ควรฉีด
  6. ผู้ที่เคยฉีดสารกระตุ้นคอลลาเจน (Collagen Stimulators) อย่าง Sculptra และ Elllansé มาก่อน

หมอผึ้งอยากจะย้ำว่าการทำหัตถการความงาม ไม่ว่าจะเป็นการฉีดรีจูรัน ฟิลเลอร์ โบท็อกซ์ หรือเมโส เราควรเลือกคลินิกที่มีความเชื่อถือและได้มาตรฐาน มีแพทย์ประจำคลินิกที่สามารถให้คำปรึกษากับเราได้ เนื่องจากทุกหัตถการควรอยู่ภายใต้การดูแลของผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้มั่นใจว่าจะปลอดภัยและได้ผลลัพธ์อย่างที่เราต้อง

และอย่าลืมแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับโรคประจำตัวและยาที่ใช้อยู่เป็นประจำให้แพทย์ทุกครั้งก่อนรับการรักษาด้วย

รีจูรันกับฟิลเลอร์

ฟิลเลอร์ที่ถูกกฎหมายในประเทศไทยจะเป็นไฮยาลูรอนิก แอซิด (Hyaluronic acid หรือ HA) ซึ่งทำงานโดยการเข้าไปเติมเต็มชั้นผิวให้มีความยืดหยุ่น ชุ่มชื้นและเต่งตึง ซึ่งจะเป็นการแก้ปัญหาที่ไม่เหมือนกับโพลีนิวคลีโอไทด์ของรีจูรัน เมื่อเทียบกับแล้วฟิลเลอร์มีประสิทธิภาพในการกระตุ้นการเกิดใหม่ของเซลล์ และการผลิตคอลลาเจนที่ด้อยกว่ารีจูรัน

แต่สิ่งที่รีจูรันทำไม่ได้เหมือนฟิลเลอร์คือการเพิ่มความอวบอิ่มและ “ปั้น” รูปหน้า การฉีดแก้มส้ม หน้าผากนูน ปรับรูปคาง เติมร่องแก้ม และฉีดปากนั้นจำเป็นต้องเป็นฟิลเลอร์เท่านั้น ดังนั้น หมอขอสรุปว่า ทั้งฟิลเลอร์และรีจูรันมีประโยชน์ต่างกัน ซึ่งเราควรปรึกษาแพทย์เพื่อประกอบการตัดสินใจได้ก่อนทำทรีตเมนต์

รีจูรันกับเมโสหน้าใส

หมอผึ้งขอสรุปง่าย ๆ ว่าเมโสก็เหมือนการให้อาหารผิวและรีจูรันเหมือนการฉีดสารสกัดจากปลาบูสต์การทำงานของเซลล์ เมโสหน้าใส (Mesotherapy) เป็นการฉีดค็อกเทลที่ประกอบไปด้วยวิตามิน เอนไซม์ แร่ธาตุและสารบำรุงต่าง ๆ เข้าสู่ชั้นผิว ซึ่งแตกต่างจากรีจูรันที่เน้นกระตุ้นการทำงานของเซลล์ที่เรามีอยู่แล้วมากกว่า นอกจากนี้เมโสยังเป็นทรีตเมนต์ที่ต่างกันไปในแต่ละบุคคล โดยหมอจะพิจารณาถึงผิว อายุ ไลฟ์สไตล์ และผลลัพธ์คุณอยากได้เพื่อผสมค็อกเทลวิตามินออกมา เพื่อให้การรักษามีประสิทธิภาพและเป็นประโยชน์สูงสุด 

ประโยชน์ของเมโสหน้าใสก็จะคล้ายกับรีจูรันในบางส่วน เช่น สามารถบำรุง ฟื้นฟูผิว ลดรอยดำรอยแดง และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน แต่ช้อยส์ของการเลือกทำรีจูรันหรือเมโสย่อมขึ้นอยู่กับผลลัพธ์ที่แต่ละคนอยากได้ และการพิจารณาแพทย์ผู้ดูแลเคสของเรา

ฉีด รีจูรัน ที่ไหนดี

ก่อนตัดสินใจฉีดรีจูรันหรือรับทรีตเมนต์ใด ๆ ก็ตาม หมอผึ้งอยากให้ทุกคนคำนึงถึงความปลอดภัยก่อน ในปัจจุบันนี้ เราจะเห็นว่าผลิตภัณฑ์ความงามที่เป็นของปลอมนั้นมีอยู่มากมายในท้องตลาด รวมไปถึงคลินิกความงามที่จ้างหมอปลอมหรือหมอกระเป๋าก็มีออกข่าวอยู่ตลอด เราจึงควรศึกษาข้อมูลของคลินิกที่เราจะเข้ารับบริการก่อนอยู่เสมอ ตรวจเช็กป้ายชื่อ เลขที่ใบอนุญาต 11 หลักในคลินิก รีวิวจากผู้ใช้จริง และเลือกคลินิกที่มีแพทย์ประจำผู้มีความรู้เฉพาะทาง ซึ่งก่อนฉีดหมอควรนำผลิตภัณฑ์ออกกล่องให้เราเห็น เพื่อพิสูจน์ว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่แท้จริง ไม่มีการสลับสับเปลี่ยน และไม่มีการเจือจางตัวยา

หากคุณยังมีข้อสงสัย ไม่แน่ใจว่ารีจูรันจะเหมาะกับปัญหาผิวของคุณไหมหรืออยากกู้ผิวหน้าตัวเองแต่ไม่รู้จะเริ่มอย่างไรดี ลองมาฝากใจไว้กับ EY Clinic หมอผึ้งและทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทุกคนยินดีมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับคุณและดูแลให้คุณมีผิวที่สุขภาพดีไปนาน ๆ

รีวิวจากผู้ใช้บริการจริง

เราอยากให้คุณดูดี และรู้สึกดีทุกวัน
เรามีทรีตเมนต์หลากหลายที่ออกแบบมาเพื่อส่งเสริมสุขภาพโดยรวมของคุณ ตั้งแต่การดูแลผิวไปจนถึงโภชนาการ เรามีทุกสิ่งที่คุณต้องการเพื่อให้คุณรู้สึกดีที่สุด